สำนักงานชลประทานที่ 10 นำเครื่องจักรกล เร่งแก้ปัญหาน้ำดิบในคลองชัยนาทป่าสัก ไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปา พร้อมลงพื้นเร่งสร้างความเข้าใจ กับเกษตรกร ผู้ใช้น้ำสำหรับทำนา ชะลอการสูบน้ำระยะหนึ่งก่อน โดยการจัดรอบเวร เพื่อแบ่งปันน้ำระหว่าง น้ำเพื่อการเกษตร และน้ำเพื่อการอุปโภคบริภค ให้มีความสัมพันธ์ และเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
วันที่ 5 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 4 นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ ตันติวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน สำนักงานชลประทานที่ 10 ,หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้ง ในคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งกำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตน้ำประปา ของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาลพบุรี เนื่องจากน้ำดิบไม่เพียงพอ ทำให้การประปาส่วนภูมิภาคสาขาลพบุรี ต้องประกาศหยุดการจ่ายน้ำ ให้แก่ผู้ใช้น้ำในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่าน โดยมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากนับหมื่นครัวเรือน
ซึ่งการแก้ปัญหาล่าสุด ขณะนี้ สำนักงานชลประทานที่ 10 ได้ขอรับการสนับสนุนรถแม็คโคร จาก อบจ.ลพบุรี และจากสำนักเครื่องจักรกล ชลประทานที่ 10 จำนวน 2 คัน เร่งทำการขุดล่องน้ำ บริเวณด้านบนเหนือธรณี ประตูระบายน้ำโคกกระเที่ยม ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร และขุดสร้างแนวทำคันกั้นน้ำ เพื่อยกระดับน้ำบริเวณสะพานโคกกะเทียม ให้มีปริมาณมากพอที่จะสูบน้ำเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปาได้โดยเร็ว และเริ่มทำการจ่ายน้ำแล้ว โดยการจ่ายน้ำ ยังจ่ายด้วยแรงดันต่ำ และปริมาณตามปริมาณน้ำดิบที่สูบเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ ซึ่งผู้ใช้น้ำที่อยู่ปลายสายอาจไหลอ่อนถึงไม่ไหล และหากสถานการณ์น้ำดิบเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติจักเร่งการจ่ายน้ำให้แก่ประชาชน
นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 พร้อมคณะยังได้ลงพื้นที่ สร้างความเข้าใจกับเกษตรกร ผู้ใช้น้ำสำหรับทำนา ที่ได้ทำการเพาะปลูกก่อนหน้าไปแล้ว ให้ชะลอการสูบน้ำไประยะหนึ่งก่อน โดยการจัดรอบเวร การใช้น้ำใน คลองชัยนาท – ป่าสัก ประคับประคองข้าวนาปีที่ปลูกไปแล้วไม่ให้เสียหายจากการขาดแคลนน้ำ เพื่อแบ่งปันน้ำระหว่าง น้ำเพื่อการเกษตร และน้ำเพื่อการอุปโภคบริภค ให้มีความสัมพันธ์กัน และเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท มีระดับต่ำไม่สามารถไหลเข้าคลองส่งน้ำ ชัยนาท – ป่าสัก โดยแรงโน้มถ่วงได้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด โดยคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งขณะนี้ ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ขนาด 5 ลบ.ม. ต่อวินาที 4 เครื่อง และ ขนาด 3 ลบ.ม. 4 เครื่อง สูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ที่ ประตูน้ำมโนรมย์ วันละประมาณ 1,500,000 ลบ.ม. โดยคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 7 วัน ซึ่งยังคงต้องขอความร่วมมือเกษตรกร ที่ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูกให้เลื่อนการเพาะปลูกออกไป รอให้ในพื้นที่มีฝนตกสม่ำเสมอและมีปริมาณเพียงพอก่อน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้
//////
ซึ่งการแก้ปัญหาล่าสุด ขณะนี้ สำนักงานชลประทานที่ 10 ได้ขอรับการสนับสนุนรถแม็คโคร จาก อบจ.ลพบุรี และจากสำนักเครื่องจักรกล ชลประทานที่ 10 จำนวน 2 คัน เร่งทำการขุดล่องน้ำ บริเวณด้านบนเหนือธรณี ประตูระบายน้ำโคกกระเที่ยม ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร และขุดสร้างแนวทำคันกั้นน้ำ เพื่อยกระดับน้ำบริเวณสะพานโคกกะเทียม ให้มีปริมาณมากพอที่จะสูบน้ำเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปาได้โดยเร็ว และเริ่มทำการจ่ายน้ำแล้ว โดยการจ่ายน้ำ ยังจ่ายด้วยแรงดันต่ำ และปริมาณตามปริมาณน้ำดิบที่สูบเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ ซึ่งผู้ใช้น้ำที่อยู่ปลายสายอาจไหลอ่อนถึงไม่ไหล และหากสถานการณ์น้ำดิบเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติจักเร่งการจ่ายน้ำให้แก่ประชาชน
นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 พร้อมคณะยังได้ลงพื้นที่ สร้างความเข้าใจกับเกษตรกร ผู้ใช้น้ำสำหรับทำนา ที่ได้ทำการเพาะปลูกก่อนหน้าไปแล้ว ให้ชะลอการสูบน้ำไประยะหนึ่งก่อน โดยการจัดรอบเวร การใช้น้ำใน คลองชัยนาท – ป่าสัก ประคับประคองข้าวนาปีที่ปลูกไปแล้วไม่ให้เสียหายจากการขาดแคลนน้ำ เพื่อแบ่งปันน้ำระหว่าง น้ำเพื่อการเกษตร และน้ำเพื่อการอุปโภคบริภค ให้มีความสัมพันธ์กัน และเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท มีระดับต่ำไม่สามารถไหลเข้าคลองส่งน้ำ ชัยนาท – ป่าสัก โดยแรงโน้มถ่วงได้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด โดยคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งขณะนี้ ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ขนาด 5 ลบ.ม. ต่อวินาที 4 เครื่อง และ ขนาด 3 ลบ.ม. 4 เครื่อง สูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ที่ ประตูน้ำมโนรมย์ วันละประมาณ 1,500,000 ลบ.ม. โดยคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 7 วัน ซึ่งยังคงต้องขอความร่วมมือเกษตรกร ที่ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูกให้เลื่อนการเพาะปลูกออกไป รอให้ในพื้นที่มีฝนตกสม่ำเสมอและมีปริมาณเพียงพอก่อน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้
//////