วันที่ 4 มิ.ย.64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ก paisal puechmongkol ระบุว่า
"ความเข้าใจเรื่องวัคซีน
ลำดับการได้ใช้วัคซีน ของประเทศต่างๆเป็นดังนี้
1 ประเทศมหาอำนาจทางยา คือสหรัฐ อังกฤษเยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและจีน
มีเพียง 6 ประเทศซึ่งเป็นเจ้าของวัคซีนโคบ้าในปัจจุบัน
ประเทศที่เป็นเจ้าของเหล่านี้เขาจึงผลิตและใช้ในประเทศของเขาเป็นอันดับแรก
2 ประเทศหรือบริษัทที่เข้าเป็นหุ้นส่วน ในการผลิตวัคซีนโคยบ้ากับประเทศมหาอำนาจทางยา และมีข้อตกลงซื้อวัคซีนกัน จะได้วัคซีนเป็นลำดับที่ 2
3 ประเทศหรือบริษัท ที่จองซื้อวัคซีน กับประเทศ หรือบริษัทที่เป็นเจ้าของวัคซีน ซึ่งจะได้รับการจัดสรรให้ตามลำดับของการจองซื้อ จะได้รับวัคซีนเป็นลำดับที่ 3
4 ประเทศที่รวมตัวกัน เพื่อร่วมกันซื้อวัคซีนกับโคแวคซึ่งเป็นองค์กรขององค์การอนามัยโลก เมื่อโคแวคได้รับวัคซีนแล้วก็มาจัดสรรให้ จะได้รับวัคซีนเป็นลำดับที่ 4
5 ประเทศที่ติดต่อขอซื้อในภายหลัง จะได้รับการจัดสรรหลังประเทศลำดับที่ 4 และตามลำดับของการจองซื้อด้วย
ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเภทที่ 5 ครับ
เพราะเราไม่ร่วมมือใดๆมาตั้งแต่ต้น แม้กระทั่งกับโคแวคเราก็ไม่ร่วมมือกับเขา
6 นี่คือปมเงื่อนความผิดพลาดในการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย และทำให้เกิดปัญหาวัคซีนไม่พอใช้และไม่ทันท่วงทีของประเทศไทย!!!
ดังนั้นในขณะนี้ประเทศไทย มีวัคซีนอยู่ในมือจริงๆเท่าใด และที่ทำความตกลงจัดซื้อกันในอนาคตนั้นจำนวนเท่าใดและจะได้รับเมื่อใด จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนควรมีสิทธิ์รับรู้!!!
7 ประเทศไทยเรามุ่งเน้นจะซื้อวัคซีน astrazeneca แต่ถ้าดูข้อมูลย้อนหลังก็จะพบว่า "ปีที่ผ่านมาแอสตร้าทำสัญญาขายวัคซีนทั่วโลกรวมกัน 500 ล้านโดส และยังผิดนัดส่งมอบไม่ได้"
เช่น EU สั่งซื้อ 200 ล้านโดส แต่แอสตร้า.ไม่สามารถส่งมอบได้ถึง 150 ล้านโดส
จึงถูก EU ฟ้องให้ส่งมอบและให้ใช้ค่าเสียหายอยู่ในขณะนี้
การที่ประเทศไทยเพิ่งจองซื้อจากแอสตร้า100 ล้านโดส จึงน่าห่วงว่า แอสตร้าจะจัดส่งมอบวัคซีนให้ได้จริงหรือ?และเมื่อใดกันแน่?
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ ที่เรื่องวัคซีนในประเทศไทยสับสนอลหม่าน และเอาแน่นอนใดๆไม่ได้ แม้กระทั่งขณะนี้มีวัคซีนในมือเท่าใดแน่ก็ไม่มีใครรู้???"