แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาใดๆกับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข คุยกันแล้ว เคลียร์กันแล้ว
การโหวตพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ เสียงสส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ลงคะแนนให้ผ่าน โดยไม่มีเสียงแตกก็ตาม
แต่รอยร้าว ที่ถูกแซะ เซาะ กัดกร่อน ในห้วงที่ผ่านมา และมีการแสดงออกในสภา ของพรรคภูมิใจไทย ครั้งนี้ ไม่สามารถ สมานได้ด้วยแค่คำพูด เพราะโดยการกระทำ และความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เป็นเช่นนั้น
ท่าที และคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่ประชุม ครม. ที่ไม่พอใจกับ การอภิปรายของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย ที่รับปากว่าจะทำความเข้าใจกับประชาชน ในการอภิปราย งบประมาณ “ปากก็ว่า โอเคแต่ซัดโครมๆ”
ด้วยเพราะ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ทั้ง ภราดร ปริศนานันทกุล และ พลพีร์ สุวรรณฉวี ที่วิพากษ์วิจารณ์งบประมาณอย่างหนัก จนถูกมองว่าอนุทิน หัวหน้าพรรค ไฟเขียวหรือ เป็นการแสดงบทบาทของ ส.ส. และ สภาเป็นเวทีแจ้งเกิด
แต่ทว่า เกิดกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่พอใจ ที่งบฯ กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถูกตัดงบฯ รวมทั้ง ถูกจับตามองว่า ลูกพรรค แสดงความรู้สึกแทน หัวหน้าอนุทิน ด้วยหรือไม่
โดยเฉพาะ ตามมาด้วย ท่าทีของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค ที่ ตำหนิว่า รัฐบาลใจดำ ตัดงบฯสธ. ไม่เห็นแก่ประชาชน จนนำมาซึ่งจุดพีค ที่ชาดา พูดกลางสภา ถึง หัวหน้าอนุทิน
“สำนักงบประมาณ คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่รัก อนุทิน เสียแล้ว จึงได้ตัดงบฯแบบนี้ ผมก็อยากจะบอกว่า หัวหน้าครับ ถ้าเขาไม่รัก ก็กลับบ้านเราเถอะครับ” คำพูด ของชาดา ที่กลายเป็นประเด็นร้อน
แม้จะไม่ได้จะถึงขั้น ชวนอนุทิน นำพรรคภูมิใจไทย ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ถูกมองว่า ต้องการจะสะท้อนความรู้สึก ของ คนภูมิใจไทย ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับรู้ และเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองของ อนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัองง้อ เพราะถ้าถอนตัว รัฐบาล ก็อยู่ ไม่ได้
ท่ามกลางกระแสยุบสภา ที่ถูกกระพือออกมา ทั้งๆที่ยังไม่มี วี่แวว หลังจาก วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า ถ้า ร่างพรบ.งบประมาณ ไม่ผ่าน ต้องยุบสภา ตามธรรมเนียม นั้นถูกมองว่า เป็นการข่มขู่ พรรคร่วมรัฐบาล ในการโหวต พ.ร.บ.งบประมาณ เท่านั้น
เพราะตอนนี้ ไม่ว่าจะพรรคการเมืองไหน ก็ยังไม่พร้อมที่จะเลือกตั้ง แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคภูมิใจไทย คงมีแต่พรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น ที่กระสุนพร้อม ดังนั้น อนุทิน ก็ต้องอดทนต่อไป ไม่ว่าท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นอย่างไร
แต่เป็นที่รู้กันว่า อนุทิน อึดอัด กับการทำงาน ใน ศบค. ที่พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯสมช. ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. รับผิดชอบหลัก เป็นคีย์แมนสำคัญ
จนทำให้ ลูกพรรคภูมิใจไทย เคยแสดงความเห็น ผ่านเฟซบุ๊ก ต่อการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับ ฝ่ายความมั่นคง มากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ทั้งๆที่การแก้ปัญหาโควิด ต้องให้ กระทรวงสาธารณสุข เป็นหลัก
โดยเป็นที่รู้กันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ไว้ใจใคร โดยเฉพาะนักการเมือง ที่อาจมีเรื่อง การหวังผลทางการเมือง คะแนนเสียง หรือ อื่นๆ
จนทำให้ สธ. และ สมช. มีความเห็นแย้งกัน เบรกกัน ตลอดการทำศึกกับโควิด ตั้งแต่ระลอกแรก มาระลอก 2 และ หนักสุดในระลอก 3 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ ครม.โอนอำนาจ พ.ร.บ 31 ฉบับ ยึดอำนาจ รมต.คนอื่นๆ รวมทั้ง รมว.สาธารณสุข มาไว้ในมือคนเดียว
ด้วยสายสัมพันธ์ พี่น้องจปร. ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ณัฐพล ที่ทำงานด้วยกันมานาน ในทบ. และวัดใจกันมาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จึงเชื่อมือ เชื่อมั่น ใน พล.อ.ณัฐพล
ในขณะ นายอนุทิน ก็เป็นแค่ นักการเมือง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สนิทสนมมาก่อน แต่ในภาพจำของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ อนุทิน อยู่ฝั่ง พรรคเพื่อไทย เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย บ้านเลขที่ 111 และโดยตัดสิทธิทางการเมือง มาแล้ว
ใครที่เคยใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้วล่ะก็พล.อ.ประยุทธ์ จะไว้วางใจ 100% นั้น ยาก แต่ตอนตั้งรัฐบาล ก็จำเป็นต้อง เอาพรรคภูมิใจไทย เข้ามา แต่ ก็ต้องยอมเสีย ไปหลายกระทรวง หลายเก้าอี้ ในการต่อรอง
ที่สำคัญเบื้องหลัง อนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ยังมี เนวิน ชิดชอบ เป็นพี่ใหญ่ ผู้มีบารมี ที่เคยอยู่กับ ทักษิณมา และเคี่ยวกรำศึกการเมือง มาอย่างโชกโชน ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่วางใจ
แถมทั้งอนุทิน ถูกมองว่า เป็นแคนดิเดทนายกฯ ในอนาคต ที่มีความพร้อมทุกด้าน แต่ทว่า ไม่ใช่ คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือก และยังถือเป็นคู่แข่งของพรรคพลังประชารัฐ อีกด้วย
ความรู้สึกเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อาจปกปิด กลบเกลื่อนได้ แม้จะทำงานใกล้ชิดกับ อนุทิน ในช่วงโควิด มากกว่า 1 ปี ที่ต้องคุยกันทุกวัน วันละหลายครั้ง และหลายช่องทาง
ฝ่ายอนุทิน ก็แสดงออกถึงความเคารพ สุภาพเรียบร้อย ให้เกียรติ และยอม พล.อ.ประยุทธ์ เสียจนถูกมองว่า หงอ จนเกินไป แต่เพราะไม่ต้องการตกเป็นเป้า ในสายตา พล.อ.ประยุทธ์ ว่า อยากจะเป็นนายกฯ จึงให้สัมภาษณ์ อวย พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด
แต่หลายเหตุการณ์ ที่ทำให้ ความสัมพันธ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ อนุทิน ถูกจับตามอง ตั้งแต่ นายกฯ ฉะในที่ประชุม ครม. ว่า มี รมต.ที่นินทาลับหลัง จนอนุทิน ต้องแก้ข่าว ยืนยันว่า ไม่เคยนินทา นายกฯ เพราะเป็นคนที่มีอะไร ก็พูดต่อหน้า เลย
รวมถึง การแก้ปัญหา ทั้งการเบรกแนวคิดให้ประชาชนมาฉีดวัคซีน แบบ walk in และ การไม่ตั้ง อนุทิน อยู่ในคณะกรรมการกระจายวัคซีน จนถึงการรวบอำนาจ รมว.สาธารณสุข ประเด็นความสัมพันธ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ อนุทิน ถูก ส.ส.ฝ่ายค้านแซะในสภา ให้ย้ายข้าง มาเป็นนายกฯ จับขั้วพรรคเพื่อไทย ตั้งรัฐบาล
โดยที่นอกสภา มีความเคลื่อนไหว ของ กลุ่มไทยไม่ทน ที่นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ เดินสาย ยื่นหนังสือ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก และ ให้ ผบ.เหล่าทัพ ลาออกจาก ส.ว. และเลิกค้ำบัลลังก์ เป็นนั่งร้าน ให้ พล.อ.ประยุทธ์
จน พล.อ. ประยุทธ์ ต้องชี้แจงในสภา ช่วงหนึ่ง ถึงการรวบอำนาจกฎหมายทั้ง 31 ฉบับ โดยเฉพาะพ.ร.บ.โรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข มาดูแลเอง
“ผมให้เกียรติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน สามารถพูดคุยกันได้ทุกโอกาส หารือได้ทุกเวลา โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด กับรองอนุทิน เปรียบเสมือนเป็นที่ปรึกษา”
หาก พล.อ.ณัฐพล เลขา สมช.มาเป็น ผอ.ศบค.แล้วให้ รองนายกรัฐมนตรี ไปนั่งข้างๆค่อยมาว่าผม” พล.อ.ประยุทธ์ ออกตัว ถึงประเด็น การขบกันของ สธ. และ สมช. ที่ทำให้ ศบค.ร้าว
พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า ได้ถาม อนุทินตลอดว่า อยากได้อำนาจกลับคืนไปแล้วหรือยัง อนุทิน ก็ยืนยันว่า ยังบอกว่า กระทรวงสาธารณสุข ทำไม่ไหว สั่งใครไม่ได้ เพราะไม่สามารถสั่งการใครได้ สั่งการได้ แต่กระทรวงสาธารณสุข
“ผมอยากคืนอำนาจไปตั้งนานแล้ว แต่เขายังบอกว่าเอาไว้ก่อน นี่คือข้อเท็จจริง ไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น” นายกฯ แจง
ที่ดูเหมือน ทุกอย่างจะเคลียร์ คลี่คลาย แล้ว .... แต่การขบเหลี่ยม กันใน ศบค.ยังคงมีอยู่ จนเกิดความอึดอัด
หลายครั้ง อนุทิน ก็ต้องเอ่ยปาก ถาม เคลียร์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ในมาตรการต่างๆ แนวทางต่างๆ ของ ศบค. ที่รู้กันว่า พล.อ.ณัฐพล เป็นกำลังหลัก และ พล.อ.ประยุทธ์ ผอ.ศบค. ก็สนับสนุน เห็นดีด้วยตลอด เพราะ มั่นใจ เชื่อมั่น และวางใจ พล.อ.ณัฐพล ว่า ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ใดๆ เพราะอยู่กันมานาน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทำให้ อนุทิน อึดอัด และถูกจับตามอง แต่ต้องอดทน ต่อไปเช่นนี้. ก็มีข่าวสะพัดว่า เนวิน พี่ใหญ่ ภท. ต้องคุยเคลียร์ พี่ใหญ่ พปชร. อย่าง พล.อ.ประวิตร เลยทีเดียว จนทำเอา พี่ใหญ่ 3 ป. ออกอาการเซ็ง เพราะก็รู้สไตล์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ความรู้สึก และความคิดดี
ในสภาพเช่นนี้ ต่างฝ่ายจึงต้องอดทนกันไป ในห้วงเวลา ที่กำลังนับถอยหลัง สู่ อีก 1 ปี กว่า ของรัฐบาลประยุทธ์ ที่อาจอยู่ไม่ครบเทอม อาจยุบสภา เมื่อใดก็ได้ เมื่อ โควิดคลี่คลาย แล้วไปสู้กันในการเลือกตั้ง ครั้งหน้า แต่ทว่า ยังเป็น กติกา เดิมรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ที่ ยังเอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์ คัมแบ็ก อีกสมัย
ตราบใดที่ยังไม่มี สัญญาณใดๆ ที่จะให้เปลี่ยนม้ากลางศึก ม้าชื่อ ประยุทธ์ ยังคงถูกใช้งาน ต่อไป แม้ว่า จะผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ในยามวิกฤติคับขัน ก็เอาไม่อยู่ มาแล้ว ก็ตาม
จากนี้ไปอีก ยังคงเป็น เวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ที่ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน ส่วน เวลาของ อนุทิน ยังไม่มาถึง และ ไม่รู้ว่า จะมาถึง เมื่อใด และ หรือไม่
ในเมื่อ อนุทิน ไม่ใช่ ทายาท ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร และดูจะเป็น คู่แข่ง ในอนาคต เสียด้วย ระหว่าง พี่ตู่ กับ น้องหนู จึงดูจะเป็นความสัมพันธ์ โดยหน้าที่ แค่นั้น