นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของธุรกิจประกันชีวิต 4 เดือนแรก ปี 2564 (มกราคม-เมษายน) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 195,544.03 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.25 โดยแยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 56,227.53 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10.38 ซึ่งประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 31,107.34 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 6.35 เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 25,120.19 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 41.72 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 139,316.51 ล้านบาท เติบโต​ ร้อยละ 0.63 อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ร้อยละ 81 ซึ่งช่องทางตัวแทนประกันชีวิตยังคงเป็นช่องทางหลัก ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 91,040.64 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.94 มีสัดส่วนร้อยละ 46.56 รองลงมาเป็นการขายผ่านธนาคาร เบี้ยประกันภัยรับรวม 83,587.68 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 6.71 มีสัดส่วนร้อยละ 42.75 ตามด้วยช่องทางนายหน้าประกันชีวิต​ เบี้ยประกันภัยรับรวม 10,355.61 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 1.56 มีสัดส่วนร้อยละ 5.30 ช่องทางอื่นๆ เบี้ยประกันภัยรับรวม 5,565.67 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 0.92 มีสัดส่วนร้อยละ 2.85 ช่องทางโทรศัพท์​ เบี้ยประกันภัยรับรวม 4,778.66 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.41 มีสัดส่วนร้อยละ 2.44 ช่องทางดิจิทัล เบี้ยประกันภัยรับรวม 202.57 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 3.59 มีสัดส่วนร้อยละ 0.10 และ ช่องทางไปรษณีย์ เบี้ยประกันภัยรับรวม 13.2 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 15.22 มีสัดส่วนร้อยละ 0.01 ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตสูงคือผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal Life และ Unit Linked) ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 14,509.89 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงถึงร้อยละ 103.47 ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มี เบี้ยประกันภัยรับรวม 32,025.87 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.77 และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่อาจจะยังมีเบี้ยประกันภัยรับรวมไม่สูงมากนักแต่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.57 จากการที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน(Universal Life และ Unit Linked) เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เนื่องจากแบบประกันดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันได้ครบทุกช่วงวัย และยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนร่วมด้วยตามความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันภัยยอมรับได้ กอปรกับสภานการณ์ปัจจุบันมูลค่าหุ้นและรายได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ดีขึ้นด้วย ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น 8-10% ทุกปี รวมถึงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และโรคร้ายแรงยังอยู่รอบตัวเรา ทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ภาคธุรกิจจึงได้มีการปรับปรุงรูปแบบของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้สอดรับกับสถานการณ์มากขึ้น ทั้งในรูปแบบเหมาจ่ายหรือเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมรอบด้าน ตลอดจนบริการเสริมในด้านต่างๆ ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองอย่างดีที่สุดตามเงื่อนไขกรมธรรม์ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) หรือโรคร้ายอื่นๆ ก็ตาม สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ ก็ถือว่าเป็นแบบประกันที่ประชาชนเริ่มให้ความสนใจและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศไทยเข้าสูงสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 *(มีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 20%) และเข้าสูงสูงอายุระดับสุดยอดในปี 2574(มีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 28%) * ที่มา สำนักงานสถิติแห่งชาติ, United Nations