วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เวลา 15.30 น. พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.อยุธยา ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์ รองสว.ป.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.อยุธยา ร.ต.ท.ธีรยุทธ วันโสภา รองสว.ป.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.อยุธยา ร.ต.ต.บุรพล เมืองซ้าย ผบ.หมู่ส.ทล.1กก.1บก.ทล. ส.ต.อ.กิตติศักดิ์ อาตนะทอง ผบ.หมู่ทล.1กก.1บก.ทล.อยุธยา ร่วมกันจับกุมตัวนายสันติชัย ทรัพย์อินทร์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 263 ถนนเทศบาล2 ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์เก๋งนี่ห้อมิตซูบิชิรุ่นมิราจสีดำ สวมทะเบียน 1ขก-2394 กทม.จำนวน 1 คัน ป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี กุญแจรถ ได้จับกุมขณะผู้ต้องหาขับรถอยู่ได้บนถนนพหลโยธินขาออกหลักกม.ที่82 ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยกล่าวหาว่า ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม
พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1กก.1บก.ทล.อยุธยา ได้เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้ผู้ใช้รถยนต์เจ้าของทะเบียน 1 ขก - 2394 กทม.ซึ่งเป็นรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิรุ่นมิราจสีดำได้รับใบสั่งข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ในพื้นที่ จ.ชัยนาท จ.นครสวรรค์ และจ.ลพบุรี รวม4ใบตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมา โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ขับรถไปในพื้นที่ดังกล่าวคาดว่ารถยนต์ถูกสวมทะเบียน จากนั้นผู้เป็นเจ้าของได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปะอิน เพราะเกรงว่าจะมีการทำแผ่นป้ายทะเบียนไปสวมใส่แล้วก่อเหตุร้ายทำให้เกิดความเสียหาย และได้เข้าไปให้ข้อมูลของรถยนต์ตนเองกับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เพื่อนำข้อมูลของรถยนต์คันดังกล่าวเข้าระบบเพื่อเฝ้าระวังติดตามจับกุมรถยนต์คันที่สวมทะเบียน กระทั่งวันนี้สามารถจับกุมไว้ได้ขณะที่ นายสันติชัย ทรัพย์อินทร์ อายุ 35 ปี ผู้ขับขี่ขับอยู่บนถนนพหลโยธินขาออกกม.82 ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยสวมแผ่นป้ายทะเบียนของผู้เสียหาย จึงเรียกให้หยุดรถก่อนควบคุมตัวมาทำการสอบสวนและประสานผู้เสียหายเข้าตรวจสอบโดยผู้ต้องหาให้การว่า ยืมรถเพื่อนมาจากจ.สระบุรี โดยจะขับไปมา จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้หากท่านใดเป็นผู้เสียหายและถูกสวมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพื่อทำการตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ส่วนด้าน น.ส.มณฑา สีทอง อายุ 40 ปี ผู้เสียหายเปิดเผยว่า รถยนต์มิตซูบิชิรุ่นมิราจสีดำ สวมทะเบียน 1ขก-2394กทม.ตนเองซื้อมามือสองในราคาประมาณ 260,000 บาทและผ่อนชำระกับไฟแนนซ์เป็นเวลา 5 ปี และเริ่มโดนใบสั่งข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ในหลายพื้นที่ทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ขับรถไป จึงแจ้งความไว้ที่สภ.บางปะอินและเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจทางหลวงอยุธยาเพื่อติดตามจับกุมรถสวมทะเบียน พร้อมกับประสานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประสานบริษัทไฟแนนซ์เพื่อขอเปลี่ยนทะเบียนใหม่ พร้อมกับชำระค่าขอเปลี่ยนป้ายทะเบียนไปกับบริษัทไฟแนนซ์แล้วเพราะกลัวความไม่ปลอดภัยหากคนร้ายนำไปก่อเหตุและเกิดความเครียดเป็นอย่างมาก กระทั่งได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาว่าได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมรถยนต์ที่สวมทะเบียนเดียวกับรถยนต์ตนเองได้แล้วจึงเดินทางมาตรวจสอบ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ช่วยเหลือประสานชนและรู้สึกโล่งใจ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องดำเนินการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนใหม่เพราะทำเรื่องพร้อมชำระเงินให้กับบริษัทไฟแนนซ์ไปแล้ว


