เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่รัฐสภา ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 65 ต่อมา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ว่า การจัดงบประมาณปี 2565 ให้กับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อสร้างกำแพงบริเวณลุ่มแม่น้ำ โก-ลก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยปี 2565 จัดสรรงบ 128 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าเป็นงบผูกพัน 3 ปี โดยในปี 2566 จัดงบ 256 ล้านบาท และ ปี 2567 จัดงบ 256 ล้านบาท รวมเป็นงบทั้งหมด 640 บาท สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เข้าใจวิถี ประเพณีและวัฒนธรรมของชนชาติมาลายู และ พี่น้องมาเลเซีย แทนที่จะจัดสรรงบเพื่อแก้ปัญหาประชาชน แต่กลับใช้งบเพื่อสร้างกำแพง ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาความมั่นคงที่ไม่ตอบโจทย์ และสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และะรมว.กลาโหมไม่เข้าใจประชาชนในพื้นที่ รวมถึงมีอคติกับประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ตนวังว่าจะปรับงบประมาณในวาระ 2 และวาระ 3
จากนั้นนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า ขอให้ปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ใน 3 เหล่าทัพ โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธใหม่ ตั้งงบผูกพัน กว่า 30,000 - 40,000 ล้านบาท กองทัพบก ควรชะลองบประมาณด้านยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ มูลค่า กว่า 2.2 หมื่นล้านบาทที่เตรียมไว้เพื่อเสริมสร้างกำลังกองทัพ รวมถึงเสริมศักยภาพของยุทโธปกรณ์ เช่นเดียวกับงบของกองทัพเรือที่ควรชะลองบประมาณ กว่า 1.4 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมศักยภาพการป้องกันประเทศ ขณะที่กองทัพอากาศ ควรชะลองบรวม 1.8 หมื่นล้านบาท ที่ใช้เพื่อเตรียมพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 และซื้อครุภัณฑ์ทางการศึกษาให้กับนักเรียน จำนวน 12 ล้านคน อย่างไรก็ดีตนมองว่ากรณีที่นำเข้าวัคซีนล่าช้าเพราะรัฐบาลประมาท ผูกขาดวัคซีน รวมถึงพบการตั้งกำแพงเรียกค่าหัวคิวฉีดวัคซีน โดสละ 500 - 1,000 บาท รัฐบาลจงใจถ่วงปัญหา เพื่อหาประโยชน์จากการครองอำนาจ รวมถึงผูกขาดนำเข้าวัคซีน เพื่อหาเหตุของการกู้เงิน และอ้างประชาชน ส่วนใหญ่ลงทุน เพื่อคอร์รัปชั่น มีการซื้อเสียงล่วงหน้า ทั้งนี้ ครม. ไร้สามารถหารายได้ เก่งแต่กู้ ไม่สามารถแก้ปัญหาโควิดได้ ทำให้ประเทศและประชาชนเสียหาย และทำให้ประะชาชนสิ้นหวังอยากตายเพียงแค่เห็นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2565 คาดว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะใช้เงินกู้รวมทั้งหมด 11.085 ล้านบาท จากกฎหมายกู้เงิน 2 ปีที่ผ่านมา และเป็นไปได้ว่าในปลายปี 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จะเสนอต่อสภาฯ และวุฒิสภา เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เพื่อขยับเพดาน จาก 60% เป็น 80% เหมือนสหรัฐอเมริกา
“ผมขอตั้งฉายาให้รัฐบาลว่า รัฐบาลชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะ 3 ปีงบประมาณที่ผ่านมา รัฐบาลใช้เงินไปกว่า 9.85 ล้านล้าน ขณะที่การจัดเก็บรายได้ อยู่ที่ 7.793 ล้านล้านบาท ขาดดุลปกติ 1.792 ล้านล้านบาท บวกกับ พ.ร.ก.กู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท รวมแล้ว รัฐบาลกู้เงินไปกว่า 3.292 ล้านล้านบาท ภายใน 2 ปี สถานการณ์ของรัฐบาลไม่สามารถจัดหารายได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาโควิด-19 และไม่สามารถจัดเก็บรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงเงินทุจริตคอร์รัปชั่นจากบ้านนักการเมือง” นายมงคลกิตติ์ กล่าว