เมื่อวันที่ 31 พ.ค.นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงในรอบนี้ ตนได้เดินหน้าลงพื้นที่ช่วยชาวห้วยขวาง ทั้งแจกหน้ากากอนามัยและแจกไข่ไก่ ภายใต้ชื่อกิจกรรมน้ำใจทนายเชาว์สู่พี่น้องชาวห้วยขวาง(สู้ภัยโควิด)โดยแจกหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ให้กับชาวห้วยขวางครอบครัวละ 1 กล่องทุกครัวเรือนทั้งเขตห้วยขวาง หมุนเวียนไปตามชุมชนและหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งแจกไปแล้ว กว่า 30 ชุมชนและหมู่บ้าน ส่วนไข่ไก่จะแจกให้เฉพาะชาวชุมชนครอบครัวละ 1 แผง 30 ฟองทั้ง 24 ชุมชนในเขตห้วยขวาง ซึ่งตอนนี้แจกไปได้ 4 ชุมชนแล้วและจะดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งแจกหน้ากากอนามัยและไข่ไก่จนครบ
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบนี้รุนแรงมากและมีทีท่าว่าจะไม่หยุด วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการดูแลตัวเอง การสวมหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อได้ดีที่สุด ตอนแรกผมคิดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยชาวชุมชนซึ่งอยู่ด้วยความยากลำบากให้เข้าถึงหน้ากากอนามัยไว้สวมใส่ แต่พอทำครบทุกชุมชนเห็นว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นนราบตามหมู่บ้านตรอกซอกซอยต่างๆก็เดือดร้อนไม่แพ้กัน จึงนิ่งดูดายไม่ได้ เลยแจกหน้ากากอนามัยให้พี่น้องตามหมู่บ้านต่างๆทั้งเขตห้วยขวางด้วย ควบคู่ไปกับการเดินหน้าแจกไข่ไก่ให้กับพี่น้องชาวชุมชนทั้ง 24 ชุมชนอีกครั้งหลังจากโควิดรอบแรกเคยแจกมาครั้งหนึ่งแล้ว
“ตอนนี้ชาวบ้านโอดครวญกันมากโดยเฉพาะชาวชุมชน อย่างเช่นที่ ชุมชนโรงปูนฝั่งเหนือและฝั่งใต้ที่ผมเอาไข่ไก่ไปแจก 410 แผงเมื่อวาน( 30 พ.ค. 64 ) ทั้งสองชุมชนถือเป็นชุมชนใหญ่มีผู้พักอาศัยไม่ต่ำกว่า 4,000 คน และเป็นคลาสเตอร์ใหญ่อีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 60 คนและผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะต้องกักตัวร่วม 200 คน รวมทั้งพี่น้องในชุมชนก็อยู่กันด้วยความยากลำบากกำลังประสบปัญหาเรื่องปากท้องและเวชภัณฑ์ในการดำรงชีพเป็นอย่างมาก สภาพตอนนี้อย่าว่าแต่จะหาเเงินไปซื้อหน้ากากอนามัยเลยครับ ข้าวจะกินแต่ละมื้อแทบจะไม่มี เพราะขาดรายได้มาเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะเด็กในชุมชนอดข้าว อดนม เนื่องจากพ่อแม่ไม่มีงานไม่มีเงิน ผมคิดว่าภาครัฐต้องหาแผนรองรับในปัญหาที่จะตามมาเพราะวิกฤตโควิดรอบนี้ลากยาวแน่ๆ ต้องจัดลำดับความเดือดร้อนด้วยการมุ่งเน้นไปที่คนชุมชนเป็นลำดับแรกโดยเฉพาะเรื่องถุงยังชีพที่ต้องเร่งเข้ามาดูแลด่วนแบบต่อเนื่องอย่าให้ขาด ควบคู่ไปกับโอกาสคนชุมชนในการได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มพิเศษเร่งด่วนเช่นกันเพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงระบาดง่ายเนื่องจากอยู่กันอย่างแออัด ที่สำคัญรัฐบาลต้องรีบคิดว่าจะหยุดการเคลื่อนย้ายของคนในชุมชนอย่างไร เพราะตราบใดที่ยังปากกัดตีนถีบ มีรายได้แบบวันต่อวัน หยุดงานวันเดียวอาจหมายถึงต้องอดทั้งบ้าน มาตรการเร่งด่วยที่ต้องทำทันทีคือ การเติมเงินในกระเป๋าให้คนกลุ่มนี้อยู่บ้านได้โดยไม่อดตาย ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องฉีกกฎออกจากบ้าน ไม่ใช่ว่าไม่กลัวโควิด แต่ปากท้องของครอบครัวสำคัญกว่า หากมีเงินเติมให้คนจนเมือง หยุดการเคลื่อนย้ายจากบ้าน การแพร่ระบาดก็จะควบคุมง่ายขึ้นตามไปด้วย" นายเชาว์กล่าวทิ้งท้าย


