วันที่30 พ.ค.64นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา อดีตประธานศาลฎีกา เปิดเผยถึงกรณีการเตรียมยื่นหนังสือให้สำนักงานศาลยุติธรรมตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความและเว็บไซต์บางแห่งที่เสนอข่าวและลงข้อความพาดพิงเกี่ยวกับการรับสินบนคดีภาษีโตโยต้า 11,000 ล้านบาท ทำให้ได้รับความเสียหายว่า ไม่ได้ยื่นว่าให้ดำเนินคดีกับใคร หรือสำนักข่าวแห่งไหนเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการยื่นให้สำนักงานศาลยุติธรรมตรวจสอบเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว มีการกล่าวหาปฎิบัติหน้าที่ในฐานะผู้พิพากษา เมื่อถูกกล่าวหา จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะทำการตรวจให้เกิดความกระจ่างปรากฏต่อสังคม โดยเรื่องนี้ไม่เพียงกระทบแต่ผู้พิพากษาหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังกระทบถึงสถาบันศาลอีกด้วย โดยสำนักงานศาลยุติธรรม มีบุคลากรและนิติกรตรวจสอบและใช้ดุลพินิจว่า การนำเสนอข่าวของสื่อบางแห่งมีเจตนาที่จะทำละเมิดหรือหมิ่นประมาทหรือไม่ ถ้าสื่อรายงานข่าวไม่ลำเอียงเป็นไปตามข้อเท็จจริง ก็มีกฏหมายคุ้มครองสื่อ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าแสดงความเห็นไม่ตรงหรือไม่ถูกต้อง นำข้อความมาโพสต์มาเสนอข่าวแบบไม่มีที่มาที่ไป ก็เข้าข่ายมีความผิดฐานหมิ่นประมาท และละเมิด รวมทั้งผิดพ.ร.บ.คอมฯ ไม่ใช่ว่าตนเองจะไปรบกับสื่อ จึงอยากจะชี้แจงให้เข้าใจ นายไสลเกษ กล่าวว่า ต้นเรื่องข่าวนี้มาจากเว็บไซต์ลอร์ 360 ของต่างประเทศ แล้วมีการนำมาแปลข่าว ก็ต้องไปตรวจสอบดูว่าแปลถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่า หรือมีการเอามาตัดต่อแปลแค่บางช่วง โดยสำนักงานศาลยุติธรรม จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง 1.เพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่ได้รับความเสียหายจากการปฎิบัติหน้าที่ 2.เพื่อทำความจริงให้ปรากฏกับสังคม ตนเองไม่สามารถไปชี้นำสำนักงานศาลยุติธรรมได้ ถ้าตรวจสอบแล้วมีใครเข้าข่ายกระทำผิด ก็ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการตามขั้นตอนไป