“รมว.แรงงาน” เน้นย้ำให้ผู้ประกันตน ประชาชนทั่วไปรีบไปตรวจโควิด-19 ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงวันสุดท้าย ก่อนเร่งปรับปรุงสถานที่เตรียมฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 “ดุสิตโพล”เผยสภาพจิตใจคนไทยย่ำแย่-เครียดหนัก หลังเกิดวิกฤตโควิดระบาด “ซูเปอร์โพล” เผยคน 87.9% ต้องการวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยทุกคน จี้รบ.เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนกระจายวัคซีนครอบคลุมทุกพื้นที่ ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนหลากหลายยี่ห้อเร็วที่สุด เมื่อวันที่ 30 พ.ค.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ห่วงใยผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และประชาชนทั่วไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และได้กำชับให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บูรณาการความร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบ ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 17-30 เม.ย.64 และขยายระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 5-31 พ.ค.64 นั้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.)ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร จะเปิดตรวจโควิด-19 เชิงรุก เป็นวันสุดท้าย เนื่องจากจะให้เจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงสถานที่ดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยจะเริ่มดำเนินการฉีดในเดือนมิถุนายนนี้ “พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่สนามไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร จะเปิดให้บริการตรวจโควิด-19 เพื่อปรับปรุงสถานที่สำหรับฉีดวัคซีน ผมจึงขอให้ผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบ และพี่น้องประชาชนทั่วไปที่ต้องการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจได้ที่เว็บไซต์https://sso.icntracking.com/icntracking /self_register.php โดยกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เมื่อตรวจเสร็จแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจากผลการตรวจจะส่งทาง SMS ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้” ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ขอให้ท่านนำบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วย ทั้งนี้ที่ผ่านมา ได้ตรวจไปแล้วเกือบ 90,000 คน กรณีตรวจพบเชื้อและมีอาการจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อแล้วไม่มีอาการหรืออยู่ในระดับสีเหลืองตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ Hospitel ของประกันสังคม ซึ่งมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแลเป็นอย่างดี ผู้ที่ต้องการตรวจโควิด-19 หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 กด 6 ด้าน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกรณี “สภาพจิตใจของคนไทยในยุค โควิด-19” พบว่า ประชาชนรู้สึกเครียดและวิตกกังวลมากที่สุด ร้อยละ 75.35 รองลงมาคือ รู้สึกแย่ สิ้นหวัง ร้อยละ 72.95 สิ่งที่ทำให้สภาพจิตใจแย่ลง คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงมากขึ้น ร้อยละ 88.33 สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ทำมาหากินลำบาก ร้อยละ 74.53เมื่อถามถึงวิธีการดูแลสภาพจิตใจ คือ การใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง มีสติ ร้อยละ 91.03 ศึกษาวิธีป้องกันดูแลด้วยตัวเอง ร้อยละ 60.82 สิ่งที่อยากให้รัฐบาล/หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชนเข้ามาช่วยมากที่สุด คือ เร่งการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ร้อยละ 74.96% เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 60.52 จากปัญหาที่เกิดขึ้นโดยภาพรวมประชาชนพยายามอดทน แก้ปัญหาเพื่อให้อยู่ได้ ร้อยละ 41.97 ด้าน นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลโพลที่สำคัญพบว่า ประชาชนรู้สึก “ท้อถอยที่สุด/เกินจะรับมือได้” ร้อยละ 3.79 หากเทียบเป็นประชาชน 100 คน จะมีประชา ชนเกือบ 4 คน ที่รู้สึกรับมือกับปัญหาต่อไปไม่ไหว ปัญหาโควิด-19 ทำให้กระทบต่อรายได้ การทำมา หากินจนทำให้เกิดความเครียดหนัก ซึ่งตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาด อัตราการฆ่าตัวตายของประชาชนก็เพิ่มสูงขึ้นคล้ายกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งอีกด้วย สัญญาณนี้รัฐบาลไม่ควรจะนิ่งเฉยควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจของกลุ่มเปราะบางโดยเร็ว ส่วน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง วัคซีนเข็มแรก ความต้องการถ้วนหน้า กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศพบว่า ร้อยละ 87.9 ต้องการวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยทุกคนได้รับก่อน ส่วนเข็มที่สองยอมรับได้ให้ยืดเวลาออกไป รองลงมาคือร้อยละ 86.8 ต้องการให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน กระจายวัคซีนครอบคลุมคนต้องการทุกพื้นที่เร่งด่วนที่สุด และร้อยละ 83.7 ให้ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันถ้วนหน้า ตามจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ ร้อยละ 81.6 ต้องการให้รัฐบาล จัดอันดับกลุ่มเสี่ยงพื้นที่เสี่ยง กระจายให้จังหวัดจัดการเอง ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.1 ไม่ต้องการให้ เอาวัคซีนไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองในทุกระดับ และร้อยละ 79.6 ต้องการให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและภาคส่วนอื่น ๆ นำเข้าวัคซีนหลากหลายยี่ห้อ เร็วที่สุด นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.6 มั่นใจค่อนข้างมาก ถึงมากที่สุดต่อการเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังคนไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกถ้วนหน้า ในขณะที่ร้อยละ 14.6 มั่นใจปานกลาง และร้อยละ 6.8 มั่นใจค่อนข้างน้อย ถึง ไม่มั่นใจเลย ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการที่รัฐบาลจะมุ่งกระจายให้ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรกถ้วนหน้าเร็วที่สุดอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชาชนทั้งประเทศ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผลการศึกษาครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ขบวนการที่ปล่อยข่าวปลอมสร้างข่าวเท็จเรื่องคุณภาพของวัคซีนไม่อาจจะทำลายความต้องการวัคซีนต้านโควิด-19 ได้และไม่ต้องการให้ทุกฝ่ายสร้างข้อมูลสับสน และไม่ต้องการให้นำวัคซีนไปหาประโยชน์ทางการเมืองในทุกระดับเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก ขณะเดียวกัน ผลการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลปรับแผนกระจายวัคซีนให้พื้นที่จังหวัดและประชาชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการและเปิดช่องทางเข้าถึงมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับวัคซีนเข็มแรกถ้วนหน้าเร็วที่สุด