จากกรณีเมื่อวันที่ 28 พ.ค.64 เพจเฟซบุ๊ก “ต้องแฉ” ได้โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหากระทบต่อภาพลักษณ์ตำรวจ “ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนจังหวัดปัตตานี” (ชค.ตชด.จว.ปัตตานี) มีข้อความว่า “ร้องเรียนนักก็บังคับให้เซ็นชื่อห้ามร้องเรียนซะเลย” ที่ผ่านมามีข้อร้องเรียนถึงความล่าช้าของค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าเสี่ยงภัย ของเหล่าตำรวจชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 เช่นนี้ล่าสุด เพจ “ต้องแฉ” ได้รับเบาะแสเพิ่มเติมมาว่า นอกจากค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าเสี่ยงภัยที่มีความล่าช้า 3 เดือนออกเงินทีจนทำให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อนแล้ว ตอนนี้ถึงกับมีการบังคับให้เซ็นชื่อห้ามร้องเรียนอีกด้วย ตามที่ข่าวเสนอแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม รอง ผบช.ตชด./โฆษก ตชด กล่าวว่าจากกรณีดังกล่าวกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. สืบเนื่องจากกรณีที่ปรากฏทางสื่อต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาความล่าช้าของค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าเสี่ยงภัยของกำลังพลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีสั่งการให้รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 / ผู้บังคับกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน จังหวัดชายแดนภาคใต้ชี้แจงทำความเข้าใจกับกำลังพลให้ทราบข้อเท็จจริง ในเรื่องดังกล่าวและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กำลังพล ซึ่งมีการชี้แจงตามลำดับชั้น ตั้งแต่ระดับหัวหน้าหน่วย จนถึงระดับปฏิบัติการ 2.ตามที่ปรากฏในเพจ “ต้องแฉ” เป็นกรณีของ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนจังหวัดปัตตานี ที่ได้ทำความเข้าใจและชี้แจงกับกำลังพลในเรื่องดังกล่าวและได้ลงบันทึกลายมือชื่อเพื่อรับทราบ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการประชุมที่ได้ถือปฏิบัติกันมา เมื่อเอกสารดังกล่าวปรากฏในสื่อต่างๆ จึงทำให้เกิดความเข้าใจและการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ว่าเป็นการบันทึกห้ามก าลังพลร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งการลงลายมือชื่อ ดังกล่าวไม่มีวัตถุประสงค์ห้ามการร้องเรียนแต่อย่างใด 3.รักษาราชการแทน ผู้บังคับการต ารวจตระเวนชายแดนภาค 4 / ผู้บังคับกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทราบข่าวดังกล่าวจึงมอบหมายให้ ผู้บังคับชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนเป็นผู้แทนไปตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญและสร้างความเข้าใจ กับก าลังพลชุดดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งก าลังพลได้ทราบข้อมูลและเข้าใจในเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี 4.กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับสิทธิของกำลังพลขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานทุกระดับชั้น ทั้งนี้จะดำเนินการเพิ่มแนวทางการสื่อสารภายในองค์กร ให้ข้อมูลในเรื่องต่างๆ อย่างถูกต้องและต่อเนื่องแก่กำลังพลในสังกัด เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กำลังพลต่อไป