จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้หลายๆ คนต่างได้รับผลกระทบ เป็นอย่างมาก ล่าสุด อ.ยิงศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ครูสอนทำอาหารและพิธีกรฝีมือดี ได้ออกมาบอกถึงผลกระทบหลังเจอวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ โรงเรียนสอนทำอาหารขาดทุนกว่า 6 ล้านบาทในรายการ คุยแซ่บSHOW รวมทั้งยังได้อัพเดตชีวิตที่ครองความโสดมาประมาณ 10 ปีแล้ว โดย อ.ยิ่งศักดิ์ ได้บอกว่า ช่วงนี้ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เพราะว่าต้องพาคุณแม่ที่อายุ 92 ท่าน ฟอกไตวันเว้นวัน แล้วโรงพยาบาลอยู่ใจกลางกรุงเทพ ในขณะที่ลูกต้องขับไปบ้าง น้องสาวต้องขับไปบ้าง ต้องเอาคุณย่าใส่รถอุ้มขึ้นอุ้มลงแล้วนั่งรอ 4-5 ชั่วโมงตอนฟอกไต เพราะระหว่างฟอกไตมันมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นได้เสมอ เราก็จำเป็นต้องไป เราก็กลัวคุณแม่จะติดโควิดไหม แต่โรงพยาบาลทุกแห่งเขาก็มีมาตราการดูแลดี ขณะที่คุณแม่ใจคอเข้มแข็งมาก ท่านก็บอกว่าโรคภัยไข้เจ็บเจอมาตั้งกี่หนแล้วในชีวิต อีกทั้ง อ.ยิ่งศักดิ์ ได้พูดถึงผลกระทบเกี่ยวกับงาน ว่า ถ้าเป็นงานในวงการบันเทิงมันก็เหลือน้อยลงจนแทบไม่มี คือถ้าไม่มีรายการทำกับข้าวที่ยืนได้คนสองคนในสตู แต่รายการของเราที่ทำ คือ กับข้าวกับปลาก็ซื้อลำบาก ตลาดปิดเสียส่วนใหญ่ เมื่อไปซื้อของในห้าง ของบางอย่างก็มีไม่ครบ ก็เรียกว่าทำกับข้าวลำบาก ส่วนงานพิธีกรก็เกือบไม่เหลือแล้ว อ.เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ 3-4 สินค้า ทุกสินค้าก็ชะลอตัวหมด เดือนหนึ่งๆ รายได้ก็หายไปเยอะ ด้านธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหารเป็นระดับมหาวิทยาลัย ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ มีสอนระยะสั้น ยังมีปวช เรียน 3 ปี เรียนต่อปวส 2 ปี ได้อนุปริญญา ทีนี้กระทรวงศึกษาธิการประกาศเพราะโควิดมา เด็กก็ต้องเรียนระบบออนไลน์ ซึ่งมันยาก เพราะวิชาชีพไม่สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างมีมาตราฐาน โดย อ.ยิ่งศักดิ์ บอกว่า เพื่อไม่ให้เกิดการสอนขาดตอน นักเรียน ก็จะเรียนกับครูผ่านออนไลน์ไปบ้าง ให้การบ้านผ่านไลน์กลุ่มบ้าง อันนี้ก็เป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็ยังไม่เห็นว่าหลังจากนี้จะต้องใช้ระบบไหน คือมันยังไม่ออกมา ถามว่ามีคนขอค่าเทอมคืนไหม คือค่าเทอมที่เก็บมาอย่าคิดว่าอ.ยิ่งศักดิ์ได้กำไร บางคนก็บอกว่าลูกไม่ได้ไปเรียน 2-3 เดือนค่าเทอมจะคืนไหม แอร์ก็ไม่ได้เปิด เราก็รู้สึกลำบากใจ เพราะชั่วโมงนี้หากเรามองเรื่องเงินที่จะเอาคืน หรือจะมองความปลอดภัยของลูกหลานของเราที่ไม่ได้มาโรงเรียน คือเราก็อยากเปิดสอน แต่ถ้ามาแล้วติดโควิดจะทำอย่างไร คือเราแค่เลื่อนไป เราไม่ได้หยุด เรื่องการศึกษาคือเราแค่ขยับช่วงเวลาออกไป อ.ยิ่งศักดิ์ไม่ได้ตัดแล้วไล่นักเรียนออก โรงเรียนยังคงเปิดอยู่ ทั้งนี้แม้ว่าโรงเรียนสอนทำอาหารจะปิดชั่วคราว แต่บุคคลากรในโรงเรียนก็อยู่ในความรับผิดชอบที่เรามีต่อเขา คือครูแต่ละคนกว่าจะเก่ง กว่าจะสอนกับเราได้ เขาก็ต้องรักองค์กรทุ่มเทให้กับเรา คือถ้าโควิดมาแล้วเราให้เขาออกเลยเราทำไม่ได้ ซึ่งในช่วงโควิดไม่เคยตัดเงินพนักงาน ไม่เคยจ่ายเงินครึ่งเดียว หรือปิดกิจการไปก่อนแล้วอีก 2 เดือนค่อยมาเริ่มทำ พูดตรงๆ ตอนนี้ค่าใช่จ่ายเฉพาะกรุงเทพเดือนหนึ่ง 2 ล้านกว่าบาทหายไปแล้ว เพราะพนักงานอ.ยิ่งศักดิ์ที่กรุงเทพมี 50 ที่เชียงใหม่มีไม่ถึง 10 แต่ที่เชียงใหม่บังเอิญอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทีนี้ห้างก็ไม่มีคนเข้าแต่ค่าน้ำค่าไฟ เราก็ยังต้องจ่าย ที่เชียงใหม่เดือนหนึ่งประมาณ 3 แสนบาท แล้วจ่ายมาโดยไม่มีรายรับมา 16-17 เดือนแล้ว คือมูลค่าที่เอามาลงทุนเราชักทุนของตัวเองออกไปจ่ายสำรองเรื่อยๆ ที่โรงเรียนปิดเราก็ปิดตามคำสั่ง แต่กิจการเราก็ยังเปิดอยู่ เพียงแต่เราไม่สามารถให้นักเรียนมาเรียนได้ ถึงมาได้ก็สอนได้แค่โต๊ะละคน เปิดไปก็ขาดทุนอยู่ดี ซึ่ง อ.ยิ่งศักดิ์ บอกว่า ในเรื่องปิดกิจการมันปิดง่าย ยิ่งเราไม่มีความรับผิดชอบและไม่เอื้ออาทรพนักงาน ของเรา เราก็ประกาศปิดได้เลย เราก็ไหลตามน้ำแล้วก็อ้างโควิด เราทำอย่างนั้นไม่ลง เราต้องคิดถึงวันที่เขาทำงานกับเรา เขาอยู่กินกับเรา วันหนึ่งที่โควิดมา เราปิดกิจการให้เขาออกไปแล้วเขาจะไปทำอะไรกิน ตอนนี้ขาดทุนอยู่เดือนละสองแสนห้า ให้เวลาอีกกี่เดือน ก็กำลังนั่งคิดว่า วัคซีนก็เริ่มแจกจ่ายกันไปบ้างแล้ว และบางประเทศเขาก็เปิดแล้ว บางจังหวัดก็เปิดแล้ว จังหวัดที่มีคนติดไม่เกิน 10 คนก็มีเกิน 50 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ตอนนี้คนไทยก็เริ่มทีการเรียนรู้ และพวกเราก็เริ่มลุกขึ้นมาสู้ มันทำให้เรามีความหวัง ก็ขอดูสถานะการณ์ต่อไปอีก 3 เดือน หลังจากนั้นคงต้องคุยในครอบครัวแล้วว่าอะไรเอาไว้ อะไรต้องปิด โดย อ.ยิ่งศักดิ์ บอกว่า เราไม่ได้ทุกข์ระทมแต่เพียงผู้เดียว แต่มันเป็นด้วยกันทั้งโลกใบนี้ และผลที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์ในโลกใบนี้ คนละเล็กละน้อย มันถึงทำให้โลกเราเป็นแบบนี้ เราท้อได้ แต่เราไม่เคยถอย ชีวิตสู้มาตลอด และเรามั่นใจว่าโควิดจะไปจากแผ่นดินไทยและไปจากทั้งโลก ไม่เชื่อว่าคนทั้งโลกจะสูญพันธุ์เพราะโควิด พร้อมกันนี้ อ.ยิ่งศักดิ์ ยังอัพเดตสถานะหัวใจด้วย ว่า ทุกวันนี้ก็อยู่กับลูกอยู่กับครอบครัว อ.ไม่เคยไปไหน ไม่เคยมีใครมาข้องแวะเกาะแกะในชีวิตเลย โสดมาประมาณ 10 ปีแล้วอาจจะเป็นเพราะคนอายุ 70 มันเป็นช่วงที่เรียกว่าเสน่ห์วาย อย่างอ.ยิ่งศักดิ์มีอะไรน่าเข้าใกล้ตรงไหน พูดตรงๆ ว่าสัญชาตญาณทางเพศ ว่าคนในรุ่นเรากลิ่นและความรู้สึกในการดึงคนเข้ามามันน้อยลง สิ่งเดียวที่จะดึงคนเข้ามาได้คือเงินที่เขวี้ยงออกไป