เมื่อวันที่ 28 พ.ค.64 นายพัทรพล พูลสวัสดิ์ หรือ ชื่อที่ใช้ในวงการมวยไทยว่า "ฉัตรพลอย ส.พูลสวัสดิ์" เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจ 5 - 6 นาย ใน 5 ข้อหา คือ ร่วมใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกักขังหน่วง, ร่วมข่มขืนใจขูเข็นผู้อื่น, ร่วมกับปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ภายหลังจากช่วงเมื่อคืน(27 พ.ค.)ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากวัยรุ่น อายุประมาณ 15-16 ปี ว่า ต้องการติดต่อขอซื้อใบกระท่อมสดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม โดยให้ไปส่งที่ริมทางรถไฟใกล้แยกยมราช ถนนพระราม 6 และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6 คน เข้ามาขอตรวจของที่นำมา โดยกลุ่มชายดังกล่าวก็ทักท้วงว่ามีของเพียง 6 กิโลกรัม ก่อนที่จะเข้าจับกุมผู้เสียหายและนำตัวพร้อมของกลางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านคลองตัน และมีการพูดคุยเจรจาให้ผู้เสียหายยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี และเมื่อนำตัวผู้เสียหายเข้ามาภายในห้องกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ทำร้ายผู้เสียหายด้วยการฟันศอกเข้าที่บริเวณใบหน้าและกกหูจนผู้เสียหายล้มลง จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าวได้เรียกเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่มีเงินจำนวนเยอะเท่าที่เรียกมา กลุ่มชายฉกรรจ์จึงลดให้เหลือ 70,000 บาท และ 50,000 บาท ตามลำดับ ก่อนจะให้ผู้เสียหายทะยอยใช้โทรศัพท์มือถือกดโอนเงินให้ ซึ่งช่วงแรกผู้เสียหายโอนเงินให้เพียง 30,000 บาท ส่วนเงินจำนวนที่เหลืออีก 20,000 บาทให้ญาติเป็นคนนำเงินสดมาให้ แต่แทนที่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวจะปล่อยตัว กลับพาผู้เสียหายไปที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 บริเวณถนนศรีอยุธยา และพูดเกลี้ยกล่อมให้ผู้เสียหายเป็นนกต่อ ช่วยขยายผลไปจับกุมยาเสพติดในคดีอื่นๆ โดยแลกเปลี่ยนกับการคืนเงินที่เรียกรับไปก่อนหน้านี้บางส่วน แต่ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่สามารถติดต่อกับบุคคลอื่นได้ จากนั้นชายชุดดังกล่าวได้นัดแนะว่าในช่วงเย็นวันนี้จะให้ผู้เสียหายพาไปขยายผลจับกุมยาเสพติดกับผู้ค้ารายอื่น ทั้งนี้นายพัทรพล ยอมรับว่าเป็นผู้กระทำความผิดในการจำหน่ายใบกระท่อมจริงและพร้อมที่จะให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีการขู่บังคับทำร้ายร่างกายและหากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ก็เกรงว่ากลุ่มตำรวจนายดังกล่าวจะไปก่อเหตุกับบุคคลอื่นอีก จึงต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ด้าน พ.ต.อ.วรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่ผู้เสียหายให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว พบว่าพฤติการณ์การก่อเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นในพื้นที่ สน.คลองตัน จากนี้จะนำข้อมูลการสอบปากคำผู้เสียหายและข้อมูลพยานหลักฐานบางส่วนส่งให้ สน.คลองตัน เป็นผู้ติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ทั้งนี้ภายหลังจากผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.พญาไทแล้ว ได้เดินทางไปเข้าพบ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี ผกก.สืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีและได้นำชุดสืบสวนในสังกัดมาให้ผู้เสียหายดูว่า มีใครที่เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าไม่มีตำรวจนายใดในชุดสืบสวนของกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ร่วมขบวนการ จากนั้นได้ทำการสอบปากคำเพื่อหาข้อมูลของคนร้าย เส้นทางที่ใช้ รวมถึงพฤติการณ์ทั้งหมด เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดี เบื้องต้นตำรวจทราบแล้วว่า 1 ในผู้ก่อเหตุคือใคร และผู้เสียหายก็ยืนยันว่า ผู้สงสัยที่ตำรวจมีข้อมูลเป็น 1 ในผู้ก่อเหตุจริง จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อใช้ในการออกหมายเรียกหรือหมายจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย