13 ตุลาคม 2559 วันที่พสกนิกรชาวไทยโศกเศร้าอาดูรอย่างหาที่สุดมิได้ หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระผู้เป็นที่รักยิ่งในหัวใจ
แต่ละวันที่ผันผ่านท่ามกลางหัวใจไทยทั้งประเทศเหมือนแหลกสลาย
เข้าเดือนตุลาคม ยิ่งเหมือนยิ่งมืดและยิ่งนานเหลือใจ ....
13 ตุลาคม 2560 ครบ 1 ปีที่พระองค์ท่านจากเราไป
บรรยากาศภายใน “โรงพยาบาลศิริราช” ซึ่งเคยเต็มไปด้วยประชาชนจำนวนมากที่ต่างเดินทางมาเพื่อถวายพระพรอย่างไม่ขาดสาย เวลานี้ช่างดูเงียบเหงา...จนวังเวงในหัวใจ
******************
เกษสุณี สวัสดีวาษา เจ้าหน้าที่เก็บธูปบริเวณลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เล่าว่า ศิริราชวันนี้วันที่ไม่มีพระองค์ประทับอยู่ ทุกอย่างเงียบเหงาอ้างว้างมาก ต่างจากวันวานที่มีพระองค์อยู่ เพราะปกติมักจะมีผู้คนเดินทางมาลงนามถวายพระพรและรอเฝ้ารับเสด็จฯจำนวนมาก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่คุ้นชิน แต่วันนี้....ที่พระองค์ไม่อยู่
ทั้งนี้ ส่วนตัวก็ยังทำงานประจำจุดที่เดิม คอยดูแลตรวจตราให้บริการประชาชนตามเดิม บางวันมีประชาชนมาถาม ให้เราชี้ตึกที่พระองค์เคยประทับอยู่ เราก็จะเห็นคนเหล่านั้นยืนมองด้วยความอาลัยรัก ซึ่งตัวเราเองแรกๆ ก็เคว้งคว้าง เหมือนชีวิตเราขาดความมั่นคง แม้บรรยากาศที่นี่จะเปลี่ยนไป แต่ประสบการณ์ที่เคยได้รับใช้พระองค์ เคยเฝ้ารับเสด็จฯอย่างใกล้ชิด จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป
"วันนี้อยากบอกพระองค์ท่านว่า ดีใจและภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเคยได้ถวายงานให้กับในหลวง ถึงแม้ว่าต่อจากนี้จะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว แต่ยังไงทุกคนจะจดจำภาพนั้นไปตลอดชีวิต และจะยึดมั่นปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ที่ให้เราใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แม้บรรยากาศศิริราชจะเปลี่ยนไป แต่เชื่อว่าคนศิริราชยังรำลึกถึงพระองค์ พ่อหลวงของชาวไทยเหมือนเดิม"
*************************
เริงชาย โพธิ์กุล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บริเวณประตู 8ฝั่งท่าเรือวังหลัง ที่เฝ้ามองดูผู้คนผ่านไปมาภายในรพ.ศิริราช เล่าว่า รู้สึกเสียใจ เพราะเมื่อก่อนทุกวันที่มาทำงาน จะเห็นบรรยากาศในโรงพยาบาลมีคนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อลงนามถวายพระพร สวดมนต์ทำกิจกรรมอื่นโดยที่เจ้าหน้าที่ในศิริราช มักร่วมกิจกรรมเป็นประจำ
วันนี้ไม่มีก็ใจหาย.... มันเงียบเหงา แม้หลายคนจะบอกว่าโรงพยาบาลก็เป็นแบบนี้แหละ ใครจะมีความสุขที่มาโรงพยาบาล แต่ศิริราชไม่เหมือนที่อื่น เพราะมีพ่อของแผ่นดินประทับอยู่ที่นี่ มันทำให้ประชาชนอย่างเราอุ่นใจ มีความหวัง ทำงานเหนื่อยแต่ก็อิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ถึงอย่างไรพระองค์ท่านได้ฝากสิ่งดีๆ ไว้มากมายให้เรา และคนรุ่นหลังได้นำไปปรับใช้ในชีวิตซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“รถราผู้คนที่เข้าออกรพ.ศิริราชก็ยังเหมือนเดิม แต่ผมเชื่อว่าทุกคนคิดถึงท่าน เพราะผมเองทำงานไปก็คิดถึงพระองค์ ระลึกเสมอว่าเราต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพราะเรามีพระองค์เป็นแบบอย่างที่ทำงานตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ แม้บรรยากาศมันอาจไม่เหมือนเดิม แต่เราสามารถทำความดี ทำงานอย่างตั้งใจเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่านได้”
*******************
บนซ้าย พิมพ์พรรณ ขวา เกษสุณี ล่างซ้าย เริงชาย ขวา อิทธิพล
พิมพ์พรรณ ปราบพาล อายุ 62ปี อดีตคุณครูจากนครปฐม ซึ่งเดินทางมาที่ศิริราชเพื่อพาลูกมารักษาอาการเจ็บป่วย เล่าว่า เมื่อครั้งที่พระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ถ้ามีโอกาสก็จะมากราบและชื่นชมพระบารมีเป็นประจำ นั่งมองตึกที่พระองค์ท่านเคยประทับก็รู้สึกสบายใจ เพราะตลอดชีวิตที่เกิดมาก็เห็นพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ ดูแลช่วยเหลือประชาชนให้หมดทุกข์เป็นสุขมาตลอด โดยที่ไม่เคยแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนาขอเพียงให้อยู่ในแผ่นดินไทย พระองค์ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ
วันนี้ไม่มีท่านแล้วบอกเลยว่าใจหาย และการที่วันนี้ได้มาเดินชมนิทรรศการที่ทาง รพ.ศิริราชจัดที่บริเวณศาลาศิริราช100ปี ก็ยิ่งทำให้คิดถึง พูดไม่ออก มันตื้ออยู่ในหัวใจ ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง แต่เมื่อคิดว่าทุกสิ่งก็เป็นธรรมชาติ เป็นวัฏจักรของชีวิตที่เราทุกคนหลีกหนีไม่ได้ก็ทำให้คลายความคิดถึงลงได้บ้าง สิ่งที่ตนรับรู้ได้ในขณะนี้คือความเงียบเหงา จึงทำได้เพียงนั่งลงสวดมนต์เพื่อถวายแด่พระองค์ ซึ่งใจก็สงบลง
“สิ่งหนึ่งที่ป้าเชื่อว่าทุกคนก็สามารถปฏิบัติได้เพื่อพระองค์ต่อจากนี้คือ การดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักประหยัดอดออม ไม่ฟุ้งเฟ้อ ซึ่งป้าก็เตือนตัวเองและสอนนักเรียนและลูกหลานเสมอ”
*********************
อิทธิพล วิสา ที่บ้านพักอาศัยอยู่ไม่ไกลจากรพ.ศิริราช เล่าว่า สิ่งหนึ่งที่คนละแวกโรงพยาบาลศิริราชเห็นและสัมผัสกันจนเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือ ผู้คนจากทั่วสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาภายในโรงพยาบาลศิริราชนอกเหนือจากผู้ป่วยและญาติสนิทมิตรสหาย นั่นคือการเข้ามาลงนามถวายพระพรในหลวงเมื่อครั้งที่ยังประทับอยู่ บ้างก็มาติดตามพระอาการ กราบไหว้สวดมนต์ รอเฝ้ารับเสด็จฯ พระองค์โดยที่ไม่รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อย
บางครั้งอาจจะรบกวนผู้ป่วยบ้างแต่ก็ผ่านพ้นมาด้วยดีตลอด ทำให้รอบๆโรงพยาบาลพลอยมีชีวิตชีวา การค้าขายก็พลอยครึกครื้นไปด้วย
แต่มาวันนี้ความครึกครื้นเหล่านั้นก็พลันจางลงไป ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เหลือเพียงบรรยากาศของประชาชนที่เข้ารับการรักษาเยี่ยมเยียนผู้ป่วย แต่ก็ยังจำนวนมากอยู่ อาจเป็นเพราะศิริราชเป็นเหมือนศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ประชาชนยังคงไว้วางใจ
“แต่หากถามความรู้สึกผมและเพื่อนๆในฐานะที่เราอยู่ใกล้ เราก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าไม่ได้อยากให้พระองค์หรือใครมาอยู่ที่โรงพยาบาลหรอก นั่นหมายถึงความเจ็บป่วยที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อพระองค์ซึ่งเรายกให้เป็นพ่อหลวงของแผ่นดินมาประทับอยู่ใกล้เราขนาดนี้ เราย่อมต้องตื่นเต้น ดีใจ คลายความกังวล เพราะทุกคนทราบตลอดเวลาว่าพระองค์ไม่เคยให้ความเจ็บป่วยเป็นอุปสรรคในการทำงานให้กับประชาชนเลย จึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เสมอ
เพราะหากไม่มีพระองค์แล้วคงไม่เกิดโครงการแก้ปัญหาจราจรโดยรอบศิริราชให้กับผู้ที่ต้องเดินทางเข้าออกได้มีความสะดวกเช่นทุกวันนี้ แม้ขณะนี้ไม่มีพระองค์แล้วแต่พระราชกรณียกิจต่างๆ ที่พระองค์ทำให้คนไทยยังคงมองเห็นเด่นชัด แนวทางต่างๆยังคงใช้ได้ในทุกยุคสมัย ซึ่งบรรยากาศที่เงียบเหงาไม่สามารถลบความทรงจำเหล่านั้นได้เลย”....
นารีนาฎ ภัยวิมุติ