จากแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ทันก่อนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ล่าสุดทางจังหวัดได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุข ว่า รัฐบาลเตรียมส่งมอบวัคซีนชิโนแวคเพิ่มเติมให้จังหวัดภูเก็ตในเดือนพฤษภาคมทั้งสิ้นประมาณ 2 แสนโดส และเดือนมิถุนายนอีกประมาณ 4 แสนโดส เข้าถึงกลุ่มประชากรอีก 3 แสนคนที่เหลือ จากที่ฉีดไปแล้วกว่า 1 แสนคน สรุปคือหากได้รับตามแผนดังกล่าวก็จะครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด โดยที่ผ่านมาทางจังหวัดได้รับจัดสรรวัคซีน ซิโนแวค ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรในจังหวัดไปแล้วประมาณ 208,000 โดส หรือประมาณ 104,000 คน เหลือที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอีกประมาณ 362,000 คน ซึ่ง นาย ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เหลืออีกเพียง 1 เดือนก็จะถึงเวลาเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้โมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ตามนโยบายเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่ยังน่าเป็นห่วง ซึ่งปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ คือ เรื่อง วัคซีน หลังจากมีปัญหาล่าช้าในล็อตที่สอง จำนวน 2 แสนโดสของซิโนแวค เวลานี้ได้รับมอบวัคซีนตามกำหนดจึงเบาใจได้เรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เนื่องจากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ถึง 70% จะต้องขึ้นอยู่กับ ต้องมีคนได้รับวัคซีนเข็มแรกอย่างน้อย 1 โดสหรือฟูลโดส สำหรับของภูเก็ตภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะมีประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสประมาณ 77% เพราะฉะนั้นพอจะอนุมานได้ว่าประชากรในภูเก็ตจะรับวัคซีนถึง 70% ก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นั้น บนความพร้อมที่แท้จริงหลายอย่างไม่ได้อยู่ที่ภูเก็ตอย่างเดียว เพราะปัจจัยที่สำคัญ คือ นโยบายของรัฐบาลที่ต้องชัดเจน 1.เงื่อนไขการเดินทางเข้าของแต่ละประเทศ รวมถึงนโยบายการกักตัวเมื่อขากลับ มาเมืองไทยไม่ต้องกักตัว แต่กลับไปแล้วต้องโดนกักตัวหรือไม่ 2.วัคซีนยี่ห้อไหนผ่านการรับรองบ้าง เรื่องนี้เป็นการเจรจาระหว่างประเทศ ซึ่งเกินอำนาจของคนในพื้นที่และยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร โดย นายภูมิกิตติ์ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการมีความพร้อมอยู่แล้ว ขอให้มีความชัดเจนก็พอ อย่างเรื่อง วัคซีน เป็นตัวอย่างให้เห็น เพราะทางภูเก็ตได้ดำเนินการเองในหลายๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นการฟื้นกลับมาของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่าง กลุ่มตลาดไมซ์ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศแน่นอน แต่ไม่ใช่ในช่วงเริ่มแรกของการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวอาจจะเริ่มมาช่วงไตรมาส 4 เป็นอีเวนต์ อย่าง งานแต่งงาน งานประชุมที่มีจำนวนคนไม่มาก เป็นต้น แต่สำหรับการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นหลังจากภูเก็ตเปิดเมือง คงจะต้องสร้างแรงดึงดูดมากขึ้น โดยมีความชัดเจนในเรื่อง 1.เงื่อนไขของการเดินทางเข้าประเทศ 2.การปฏิบัติตัว เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาสามารถปรับตัวไปกับข้อปฏิบัติดังกล่าว และสำคัญที่สุด 3.ประเทศไทยจะต้องมีเครื่องมือในการมอนิเตอร์การปฏิบัติตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทะยอยเข้มาจำนวนมากในระยะแรก เพื่อป้องกันการเกิดระบาดซ้ำ โดยอยู่บนความสมดุลระหว่างการบริการที่ดี และมีความปลอดภัยสูงสุดนั้นเอง