เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพบกและกองทัพอากาศตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 13 หน่วยฯ โดยได้เริ่มมีการเปิดหน่วยปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เนื่องจากมีพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหมอกควันและไฟป่า รวมทั้งพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ มีปริมาณน้ำกักเก็บไม่เพียงพอ จึงได้มีการติดตามสภาพอากาศเพื่อขึ้นบินปฏิบัติการทำฝนมาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 6 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.พิจิตร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครสวรรค์ สุพรรณบุรี บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม หนองคาย มหาสารคาม บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และอ่างเก็บน้ำจำนวน 4 แห่ง โดยมีหน่วยปฏิบัติการ จ.เชียงใหม่ ตาก สุราษฎร์ธานี สงขลา นครราชสีมา สระแก้ว และ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้ขึ้นบินปฏิบัติการเนื่องจากสภาพอากาศไม่เข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการ นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการติดตามสภาพอากาศในช่วงเช้าวันนี้ พบว่า ผลการตรวจสภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง ในเช้าวันนี้จึงมีการวางแผนขึ้นบินจำนวน 4 หน่วยปฏิบัติการ ดังนี้ 1.หน่วยปฏิบัติการฯ จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่การเกษตร จ.เชียงใหม่ และจ.แม่ฮ่องสอน 2.หน่วยปฏิบัติการฯ จ.ตาก มีพื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่การเกษตร จ.ตาก และ จ.ลำปาง และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนแม่มอก 3.หน่วยปฏิบัติการฯ จ.พิษณุโลก มีพื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่การเกษตร จ.เพชรบูรณ์ 4.หน่วยปฏิบัติการฯ จ.อุดรธานี มีพื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่การเกษตร จ.สกลนคร จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนน้ำอูนและเขื่อนอุบลรัตน์ อย่างไรก็ตาม อีก 9 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ยังคงติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน โดยหากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายต่อไป และพี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100