สำหรับประเทศไทยมีแผนการในการจะฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ถึง 50% ประมาณ 35 ล้านคน คือ จะต้องใช้วัคซีนจำนวน 70 ล้านโดส ณ วันที่ 22 พฤษภาคม ไทยได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.81 ล้านโดส จึงเหลืออีก 67.19 ล้านโดส ดังนั้นถ้าสามารถฉีดวัคซีนเฉลี่ย 400,000 โดสต่อวัน จะต้องใช้เวลาฉีดอีก 168 วัน (5.6 เดือน) ซึ่งวันที่ประเทศไทยจะเข้าสู่เฟส 2 ได้เร็วที่สุด คือ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ขณะที่ด้านภาคการท่องเที่ยวได้วางแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติ โดยภูเก็ตเปิดวันที่ 1 กรกฎาคม และเดือนตุลาคม เป็นพื้นที่ไปยังจังหวัดกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ โดยมีประชาชนและ บุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ จะต้องได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่า 70% ทว่าในเรื่องนี้แต่ละพื้นที่นำร่อง ยังอยู่ห่างจากเป้าหมายที่วางไว้เป็นอย่างมาก หัวหินวอนภาครัฐเร่งมือทำงาน ในเรื่องนี้ นายกรด โรจนเสถียร กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมสปาไทย กล่าวว่า จากมติคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2564 ระบุให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่สามารถพร้อมการเปิดรับท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยมีอำเภอเทศบาลหัวหินที่เสมือนเป็นไข่แดงด้านท่องเที่ยวจังหวัดจึงต้องเตรียมตัวและรณรงค์เพื่อให้ประชาชนและบุคคลากรด้านธุรกิจบริการได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน 70 % เสียก่อนเพื่อเป้าหมายที่จะเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ “แต่ถึงวันนี้จากตัวเลขการได้รับวัคซีนทั้งจังหวัดในเดือนมิถุนายนมีเพียง 24,000 โดส เดือนกรกฎาคม 99,000 โดส ยังห่างไกลกับตัวเลขที่เสนอขอไปเป็นอย่างมาก ซึ่งหากอยากเห็นเมืองหัวหินกลับมามีชีวิตชีวาใหม่คงต้องเร่งกันทำงานกันอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย” นายกรด กล่าว ด้านนาย นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดชลบุรีมีมติฯ ให้เปิดประเทศในเดือนตุลาคม 2564 เช่นกัน แต่เหนืออื่นใด วัคซีนป้องกันจะต้องมาอย่างเพียงพอโดยในสองอำเภอท่องเที่ยว คือ บางละมุง และสัตหีบ ต้องได้ 900,000 โดส ถึงจะเพียงพอในการเปิดเมืองอย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้เดือนมิถุนายน ในส่วนของชลบุรีทั้งจังหวัดได้มาเพียง 54,000 โดส จึงห่างไกลเป้าหมายที่วางไว้มาก ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ เวลานี้รัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผู้ให้บริการทางการท่องเที่ยว ประชาชนและแรงงานที่ประกอบการในพื้นที่เมืองพัทยา ทั้งในส่วนที่มีชื่อตามทะเบียนราษฎรและไม่มีให้ครบ 70% รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันในเฉพาะพื้นที่ที่เกิดโรคและกลุ่มคนที่สุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อนานอาจทำให้เศรษฐกิจเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ภูเก็ตลุ้นเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว ขณะนี้แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ทันก่อนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 ก.ค.64 มีรายงาน ว่า ที่ผ่านมาปริมาณการฉีดวัคซีนแต่ละวัน จะขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่ได้รับเป็นหลัก หากล็อตไหนมีจำนวนมาก จะเร่งฉีดให้มากขึ้น เดิมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8,000-10,000 โดสต่อวัน กระจายสถานที่ฉีดวัคซีน 5 แห่ง คือ 1.บริเวณอาคารเอ็กซ์เทอร์มินอล ท่าอากาศยานภูเก็ต 2.ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง 3.โรงแรมอังสนา ลากูนา ภูเก็ต 4.อาคารยิมเนเซียม 4000 ที่นั่ง (สะพานหิน) และ 5.โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยที่ผ่านมาทางจังหวัดได้รับจัดสรรวัคซีน ซิโนแวค ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรในจังหวัดไปแล้วประมาณ 208,000 โดส หรือประมาณ 104,000 คน เหลือที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอีกประมาณ 362,000 คน และล่าสุดทางจังหวัดได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุขว่าทางรัฐบาลเตรียมส่งมอบวัคซีนชิโนแวคเพิ่มเติมให้จังหวัดภูเก็ตในเดือนพฤษภาคมทั้งสิ้นประมาณ 2 แสนโดส และเดือนมิถุนายนอีกประมาณ 4 แสนโดส เข้าถึงกลุ่มประชากรอีก 3 แสนคนที่เหลือ จากที่ฉีดไปแล้วกว่า 1 แสนคน สรุปคือหากได้รับตามแผนดังกล่าวก็จะครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด