วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 สถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดร้อยเอ็ด มีผู้รักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย(รพ.สนาม 1 ราย) (รักษาหายสะสม 196 ราย) พร้อมส่งตัวกลับชุมชนเพื่อกักตัว ต่อที่บ้านอีก 14 วัน และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 66 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย วันนี้พบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 3 ราย (ยอดสะสมรวม 265 ราย) ดังนี้ - อำเภอปทุมรัตต์ 1 ราย เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 263 (รายที่ 1 ของวันนี้) เพศหญิง อายุ 41 ปี เป็นผู้ติดเชื้อเดินทางกลับจาก กรุงเทพฯ - อำเภอเมืองร้อยเอ็ด 2 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากพื้นที่เสี่ยง ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 264 (รายที่ 2 ของวันนี้ เพศชาย อายุ 46 ปี สัมผัสผู้ติดเชื้อจาก จังหวัดอยุธยา ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 265 (รายที่ 3 ของวันนี้) เพศชาย อายุ 47 ปี เป็นพระภิกษุ พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 2 รายละเอียดกำลังดำเนินการสอบสวนโรค/ผู้ติดเชื้อทุกรายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด อยู่ในระหว่างดำเนินการสอบสวนโรค และค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ และแยกกักตัวเป็น ระยะเวลา 14 วัน **สำหรับรายละเอียดประวัติเสี่ยงของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของวันนี้จะแจ้งใน Time Line ต่อไป ** สถานการณ์การเกิดโรคในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เดินทางกลับบ้าน และตรวจพบเชื้อ และมีการติดเชื้อภายในครอบครัวตามมา กรณีที่มีคนในครอบครัวเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงหรือเป็นกลุ่มเสี่ยง ขอให้ แยกอยู่ แยกกิน แยกนอน ส่วนบุคคลในครอบครัวควรช่วยกันป้องกันโรคอย่างข้มงวด เพราะหากปฏิบัติไม่ได้จะเกิดการแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว และคนอื่นๆที่ใกล้ชิดกันในชุมชน การเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด หากประชาชนที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 4 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือพำนักในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อถึงพื้นที่ปลายทาง หมู่บ้าน ชุมชน หรือสถานที่อื่นใด จะต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้ลงทะเบียนเข้าจังหวัดร้อยเอ็ด ผ่าน (R Code) และต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ระมัดระวัง ป้องกันตนเองอย่างเข้มงวด โดยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 100 % แม้ขณะการพูดคุยกันในบ้านหรือสถานที่ทำงานเดียวกัน ไม่ควรรับประทานอาหารร่วมกัน ควรแยกสำรับอาหาร(พบว่าการรับประทานอาหารร่วมกันมีการแพร่เชื้อโรคได้ง่าย) ล้างมือบ่อยๆให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลุ่มสังสรรค์ หรือพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด