เมื่อวันที่ 25 พ.ค. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น แต่ปริมาณฝนตกในช่วงนี้ก็ยังคงเป็นฝนที่ตกในปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลางและประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ ในหลายๆพื้นที่ยังคงมีปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำน้อย ตลอดจนน้ำต้นทุนขาดแคลนต่อการเกษตร แม้กระทั่ง ในเขตพื้นที่ชลประทานก็ยังประสบปัญหาปริมาณน้ำขาดแคลน กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงเร่งเดินหน้าช่วยเหลือทุกพื้นที่ทั่วประเทศไม่เว้นแม้แต่เขตชลประทาน หรือ นอกเขตชลประทาน โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 13 หน่วยฯ ทั่วภูมิภาค พร้อมที่จะขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงทันที หากสภาพอากาศเอื้อต่อการปฏิบัติการ ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ได้รับการสนับสนุนอากาศยานและกำลังพลจากกองทัพอากาศและกองทัพบก ในการร่วมปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่มีความต้องการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อพี่น้องประชาชน โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ชัยภูมิ บึงกาฬ สกลนคร นครพนม นครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บุรีรัมย์ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ จำนวน 7 แห่ง ทั้งนี้ จากข้อมูลแผนที่อากาศผิวพื้นของกรมอุตุนิยมวิทยา ณ เวลา 01.00 น. พบว่า ร่องมรสุมหรือร่องฝน ได้มีการพาดผ่านบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับในช่วงนี้มีการเกิดพายุไซโคลน”ยาอาส(YAAS)”ที่บริเวณอ่างเบงกอล ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ไปทางประเทศอินเดีย และจะส่งผลทำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักและลมในพื้นที่มีกำลังแรงขึ้น นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการติดตามสภาพอากาศในช่วงเช้าวันนี้ จากผลการตรวจสภาพอากาศ พบว่า ผลการตรวจสภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง ในเช้าวันนี้จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการ จำนวน 7 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯ จ.ลพบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ชัยนาท อุทัยธานี ลพบุรี นครสวรรค์ หน่วยฯ จ.พิษณุโลก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.กำแพงเพชร สุโขทัย หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อน จ.กาญจนบุรี สุพรรณบุรี หน่วยฯ จ.นครราชสีมา ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครราชสีมา หน่วยฯ จ.สระแก้ว ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำ จ.สระแก้ว หน่วยฯ จ.บุรีรัมย์ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.บุรีรัมย์ หน่วยฯ จ.เชียงใหม่ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ลำพูน (เมืองฯ เวียงหนองล่อง) จ.เชียงใหม่ (หางดง) อย่างไรก็ตาม อีก 6 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ยังคงติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน โดยหากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายต่อไป และพี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100