วันที่ 24 พ.ค.64 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพก้อนผ้าสีดำ ขนาดใหญ่ประมาณกำปั้น พร้อมระบุข้อความว่า... วัตถุชิ้นนี้คือ ผ้าก๊อซซับเลือด ที่หลุดออกจากช่องคลอดแม่ลูกอ่อน โดยหมอลืมไว้ในช่องคลอดนานกว่า 2 เดือนและอยากจะเอาไปแจ้งเตือนประชาชนทั่วไปให้ระวัง
จากการตรวจสอบผู้ประสบเหตุคือ น.ส.สิริวิมล อายุ 23 ปี ชาว ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ โดย น.ส.สิริวิมล นำผ้าก๊อซที่หลุดออกมาจากช่องคลอดมาให้ดู พร้อมระบุว่า
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลคูเมือง จ.บุรีรัมย์ โดยคลอดแบบธรรมชาติ จำได้ว่าวันคลอดหมอบอกว่าเลือดไหลไม่หยุด จึงเอาผ้าก๊อซไปอุดช่องคลอดไว้ หลังจากนั้นออกมาพักฟื้นที่บ้านตามปกติ
ผ่านไปได้ 15 วัน มีความผิดปกติคือน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นมาก เมื่อถึงเวลานัดตรวจได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน(รพ.สต.)ใกล้บ้าน ระหว่างตรวจหมอไม่ได้ตรวจภายในให้ เพียงถามแค่อาการเบื้องต้น ว่ามีอาการปวดท้องหรือเป็นไข้หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ถือว่าปกติ
ช่วงเวลาผ่านไประหว่างที่พักอยู่บ้าน กลิ่นเหม็นของน้ำคาวปลายิ่งทวีความรุนแรง จนสามีไม่กล้าเข้าใกล้ แต่อาการอย่างอื่นปกติดี ล่าสุดวันที่ 24 พ.ค. มีความรู้สึกว่ามีอะไรมาขวางไว้ในช่องคลอด เมื่อเข้าห้องน้ำ พบว่ามีวัสดุแปลกปลอม โผล่ออกมา จึงลองสัมผัสและดึงออกมา พบว่าเป็นผ้าก๊อซ จากนั้นมีความรู้สึกโล่ง แต่ไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ คาดว่าน่าจะเป็นผ้าก๊อซ ที่หมอเอาไปซับเลือดในวันคลอด แล้วเย็บปิดเอาไว้โดยไม่ได้เอาออกมา โชคดีที่หมอไม่เย็บติดกับผิวหนัง จึงหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ รวมผ้าก๊อซชิ้นนี้อยู่ในช่องคลอดตนนาน 2 เดือน 8 วัน
น.ส.สิริวิมล กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่นำไปโพสต์ทางโลกโซเชียล ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรจากโรงพยาบาล หรือจงใจทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย แต่อยากจะแจ้งเตือนให้คนทั่วไปได้ระวังตัวหากเกิดกับตัวเองจะแก้ไขปัญหาได้ทัน กรณีของตนยังดีที่ไม่ติดเชื้อ
ขณะที่ จนท.โรงพยาบาลคูเมืองรุดเยี่ยมผู้เสียหาย ที่หมอลืมผ้าก๊อชไว้ในช่องคลอด ระบุเกิดจากความผิดพลาดในระบบการทำงาน ชี้จะได้รับการเยียวยาตามมาตรา 41 พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข
ต่อมานางทิพยวรรณ ไชยศล หัวหน้ากลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลคูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่นำกระเช้ามามอบให้เป็นขวัญและกำลังใจให้ น.ส.สิริวิมล
พร้อมระบุว่ากรณีมีผ้าก๊อซในช่องคลอด ถือเป็นความผิดพลาดในระบบการทำงาน เบื้องต้น น.ส.สิริวิมล สามารถได้รับการเยียวยาตามมาตรา 41 พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข ได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการคณะกรรมการก่อน
ทั้งนี้ต้องขอโทษ น.ส.สิริวิมล ที่ทำให้เดือดร้อน และสร้างความกังวลใจให้กับครอบครัว ซึ่งโรงพยาบาลจะได้มีการปรับปรุง เพื่อไม่ให้เกิดกรณีนี้ขึ้นอีก