"ดีอีเอส" ไม่ปล่อย! ลุยลงดาบ "18 แอคเคาท์" ปล่อยข่าวเฟคนิวส์-บิดเบือน "โควิด-19" ลุยดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอม-พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. และพล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีโพสต์เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือบิดเบือนข่าวสาร สร้างความเข้าใจผิด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย สร้างความตื่นตระหนกกับประชาชนและสังคมในวงกว้าง ตลอดจนกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ จึงร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ การกระทำความผิดฯ และดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการ เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยตรวจสอบยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อพบว่ามี 6ราย ที่โพสต์ข้อความเป็นข่าวปลอม เกี่ยวกับเรื่องโควิด-19ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิว เตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังได้ปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1 ) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อีก 12 จุด พบตัวผู้กระทำผิด 12 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งกรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี อุดรธานี สกลนคร สุรินทร์ และระนอง ซึ่งผู้โพสต์ได้รับว่ากระทำผิดจริง จึงได้อาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1 ) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ให้ผู้โพสต์ระงับ สั่งให้แก้ไขข่าว ผู้โพสต์จึงลบโพสต์ดังกล่าว และรับว่าจะไม่กระทำแบบนี้อีก "อยากขอเตือนประชาชนที่จะโพสต์ข้อมูลข่าวสารอันไม่เป็นความจริง หรือบิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เกิดความหวาดกลัว การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ