วันที่ 24 พ.ค.64 นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม พรรคพลังประชารัฐ ได้ตอบคำถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า มีการซื้อขายบัตรคิวฉีดวัคซีน ราคา 3000 บาท ที่คลองเตย ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ช่อง MCOT 30 ว่า เรื่องนี้รับทราบจากผู้นำชุมชน ว่ามีการนำบัตรคิวไปขายให้กับประชาชนในท้องที่เข้าไม่ถึงในการรับวัคซีน และมีชาวต่างชาติด้วย แต่ว่า ที่มีการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนฉีดวัคซีนเชิงรุกเมื่อ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดสะพาน ก็หารือในเรื่องนี้ ผู้นำชุมชนก็ได้พูดเรื่องนี้ ว่ามีเหตุการณ์นี้ ว่านำบัตรไปขาย แต่ไม่ใช่ผู้นำชุมชน “คนนอกมีทั้งคนนอก และคนในที่เข้าไม่ถึง คือในคลองเคย มีประชาชนเกือบแสนคน นโยบายเชิงรุก คือต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 50000 โดส แต่มีประชาชนที่เขาไม่ได้อยู่ในชุมชนแออัด และไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ก็ต้องเข้าไปลงทะเบียนหมอพร้อม บางท่านก็อยากมาดำเนินการก่อน มาจัดหาบัตรคิวให้ได้วัคซีนก่อน” นางกรณิศ ยังกล่าวถึงประเด็นชาวต่างชาติว่า ก็มีทั้งต่างด้าวที่มาซื้อ และนักท่องเที่ยวที่อยู่ที่นี่ ไม่แน่ใจว่าชั่วคราวหรืออย่างไร ก็ได้ยินว่ามีจีน และเกาหลี มาฉีด ก็ไม่ทราบว่าเขารู้ได้อย่างไร ต้องฝากสื่อหาว่ารู้ได้อย่างไร เพราะคนในพื้นที่ยังไม่รู้เลย ทราบข่าวว่ามาเป็นรถตู้ นำบัตรคิวและเข้าไปฉีด “ปกติจะมีการลงทะเบียน มีบัตรประชาชนมาฉีดวัคซีน ตอนแรกมีเฉพาะคนไทย ช่วงหลังมีการขยายให้ชาวต่างชาติ ตอนหลัง กทม.เปิดกว้างให้นำพาสปอร์ตไปฉีดได้ จะมีอยู่ในเรคคอร์ดของเขาอยู่แล้ว มันค่อนข้างจะเช็คยาก คุณพยาบาลที่เป็นคนฉีดก็มีซักประวัติเหมือนกัน ว่าอยู่กลุ่มเสี่ยงหรือไม่ หากเสี่ยง บางครั้งพยาบาลจะให้ไปสวอปมาก่อน หากไม่ได้เสี่ยงแต่มาทำการค้าขายที่คลองเตย ก็จะถามว่ามาจากชุมชนไหน ที่ผ่านมาก็มี ปฏิเสธการฉีดวัคซีนไป จากสถิติของกทม. อย่าง 4000 คน อาจมีไม่เข้าเกณฑ์ 100 คน” นางกรณิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่มาเป็นรถตู้ ไม่ว่าจีนหรือเกาหลี คงมีกระบวนการทำอยู่แล้ว ต้องฝากเจ้าหน้าที่ไปดูด้วย เพราะวัคซีนทุกอัน เป็นสิทธิของคนไทย เพราะรัฐบาลไม่ได้จำหน่าย รัฐบาลให้คนไทยทุกคน อันนี้เป็นการทุจริตที่เด่นชัดมาก เราไม่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศเรา อย่างไรก็ตาม นางกรณิศ ปฏิเสธที่จะกล่าวว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการดังกล่าว เพียงแต่ได้ยินแว่วมาบ้าง ต้องฝากสื่อไปหาคำตอบ และยืนยันจะต่อสู้ในบัตรฉีดวัคซีน เพราะบางชุมชนได้รับจนล้น และบัตรต้องใช้วันต่อวัน เมื่อเหลือบัตรก็ต้องกระจายออก ไม่เช่นนั้นก็ถูกทิ้งโดยสูญเปล่า ก็อาจทำให้มีคนอาศัยช่องทางไปฉ้อฉลได้ ก็คงมีกระบวนการ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางเข้าถึงสำหรับคนต่างชาติแน่นอน