เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบำราศนราดูร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 พร้อมกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ด้วยเช่นกันเนื่องจากมีอายุเกิน 60 ปีจึงต้องฉีดแอสตราเซเนกา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ไปเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ก่อนการฉีดวัคซีนนายกฯได้วัดความดันปรากฎว่าความดันสูง 160 กว่า จากนั้นได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 โดย นพ.เกียรติภูมิ เป็นผู้ฉีด จากนั้นนายกฯพักรอดูอาการ พร้อมกล่าวว่า วันนี้ตนและรมว.มหาดไทย ได้มาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 พร้อมกันในวันนี้ ขอให้เชื่อมั่นในประสิทธิภาพวัคซีนที่เรามีอยู่ทั้ง 2 ยี่ห้อ หรือแม้กระทั่งยี่ห้ออื่นที่เราจะจัดหาเพิ่มเติมได้ เพราะเรามีการตรวจสอบรัดกุมอย่างรอบคอบ ให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขของเราด้วย นั่นคือประเด็นสำคัญวันนี้ ตนก็มาฉีดเพราะตนไว้ใจในการตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัย ก็คงอาจจะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ทุกคนก็ต้องฟังคำเตือนของหมอ ก่อนมาฉีดต้องทำอย่างไร พักผ่อนให้เพียงพอ หลังฉีดแล้วพักรอดูอาการ ถ้ามีอาการอย่างไรก็ปรึกษาแพทย์ แพทย์ก็ดูแลให้ ซึ่งเป็นแนวทางที่มอบหมายให้ ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ประชุมชี้แจง
นายก กล่าวว่า ประเด็นสำคัญวันนี้ก็คือในเรื่องของการกระจายสถานที่ฉีดวัคซีนไปให้ทั่วถึง จะเห็นได้ว่ามีทั้งของรัฐ ของเอกชน ของภาคธุรกิจ ที่เขาเตรียมพื้นที่เหล่านี้ไว้ ซึ่งทุกพื้นที่จำเป็นต้องมีผู้ฉีดด้วย ซึ่งก็คงต้องเป็นหมอและบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เป็นผู้ฉีด บางแห่งก็มีมากมีน้อย บางแห่งก็ยังไม่มี ซึ่งเราก็จะจัดหาเพิ่มเติมให้เท่าที่จะทำได้ วันนี้ต้องขอขอบคุณประชาชนเข้ามาในหมอพร้อมจำนวนมากพอสมควร วันนี้เราจำเป็นต้องมาพิจารณาในเรื่องของการแพร่ระบาดละลอกใหม่ตรงนี้ เพราะมีบางพื้นที่ที่เป็นอันตรายมาก ปานกลาง อันตรายน้อย ฉะนั้นเราจำเป็นต้องมีการปรับเรื่องวัคซีนนิดนึง แต่ก็ยืนยันว่าทุกคนได้ฉีดแน่ๆ พื้นที่ใดที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือได้รับฉีดวัคซีนน้อย ก็ขอให้เข้มงวดกับตัวเอง ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ที่เราจำเป็นต้องปรับปริมาณวัคซีน เพราะขึ้นอยู่กับวัคซีนที่เข้ามา เข้าแล้ว กำลังนำเข้า หรืออยู่ในขั้นตอนเจรจาก็มีหลายประเภทด้วยกัน เมื่อได้มาครบทุกอย่างมันก็จะเร็วขึ้น ตนก็คิดถึงขีดความสามารถของด้านสาธารณสุขไทยเรา ที่สามารถดำเนินการได้ในเรื่องนี้ และวันนี้สถานการณ์สำคัญมีสองสถานการณ์ด้วยกัน คือปริมาณวัคซีนที่มีอยู่และขีดความสามารถในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องสถานที่ไม่มีปัญหา และสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งวันนี้มีหลายจังหวัดที่เป็นสีแดง และก็มีหลายกลุ่มที่มีอันตราย เช่น แรงงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง และวันนี้เราก็ให้ความสำคัญกับแรงงานที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้วย เพราะเป็นแหล่งสร้างงานและเป็นแหล่งที่ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก กลุ่มต่อไปที่ต้องให้ความสำคัญคือครู เพราะกำลังจะเปิดโรงเรียน ต่อไปคือกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯช่วงนี้ ซึ่งหลายๆกลุ่มเพิ่มเติมเข้ามาในช่วง
“อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจว่า เราน่าจะสามารถ ที่จะบริหารได้ เพียงแต่เราต้องการความเข้าใจ ไม่ต้องการให้ใครเอาไปบิดเบือน การทำงานมันต้องมีปัญหา เมื่อมีปัญหาเราก็ต้องแก้ไข ไม่มีสูตรใดสูตรหนึ่งสูตรเดียวที่มันทำได้ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปทุกวัน วันนี้ผมก็ได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานของสาธารณสุข อธิบดีต่างๆ นี่คือการบริหารในภาพรวม และในต่างจังหวัดผมก็ได้หารือร่วมกันกับรมว.มหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลทุกจังหวัดร่วมกับสสจ. หน่วยงานสาธารณสุขของจังหวัด ฉะนั้นมีการปรับแก้ตลอดเวลา ถ้าวัคซีนมาพอก็เป็นไปตามแผน ถ้าวัคซีนมาน้อยกว่าก็ต้องปรับแผน ถ้าวัคซีนมามากกว่านั้นก็ปรับแผนอีก วันนี้สิ่งสำคัญคือเรื่องของการฉีดผู้ที่เข้าหมอพร้อม ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ที่เข้าหมอพร้อมแล้วขยับไปนิดหนึ่ง เพราะวัคซีนในเมื่อยังมาไม่ถึงและมีความเร่งด่วนก็ต้องปรับ แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าได้ฉีดทุกคน ช้าบ้างเร็วบ้าง ขนาดนี้ทุกคนถ้าในพื้นที่ที่ยังไม่เป็นอะไรมาก ก็มีหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอร้องแล้วกัน ขอทำความเข้าใจแล้วกัน อย่าบิดเบือนกัน ฟังหมอที่อยู่ในระบบชี้แจง ยืนยันว่าหมอทุกคนหวังดี แต่อยากให้ฟังในระบบชี้แจง ชี้แจงทีเดียวมันก็จบ พูดกันหลายที่บางทีก็ไม่ตรงกันประชาชนก็จะสับสน
ทั้งนี้ นายกฯยังได้กล่าวสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการบริหารจัดการหลังพบโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้ ระบาดในไทยว่า วันนี้ต้องถือว่าเชื้อไปเกิดที่นั่นที่นี่ ที่อาจจะเรียกว่ากลายพันธุ์ทำนองนี้ แต่วันนี้ตนได้รับการยืนยันจากทางด้านสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่าวัคซีนที่มีอยู่ก็ดูแลได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนด้วย ถ้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและปล่อยตัวเองจนสถานการณ์รุนแรงขึ้น เมื่อมาหาหมอก็ไม่ทันแล้ว วัคซีนอะไรก็ใช้ไม่ได้ ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ วันนี้มีทั้งยารักษา ยาฉีด ยากิน ยาฟาวิพิราเวียร์ เราก็มีเพียงพอ ใช้ตามความลำดับรุนแรงของโรค ของคนไข้ ก็ไม่อยากให้ทุกคนประมาท และไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก และฟังแพทย์ วันนี้เราต้องคำนึงถึงตัวเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ ไปด้วยกัน เราจะได้รู้ว่าเราเดินหน้ามาทุกวิธีแล้วหรือยัง เพราะตนมองเป้าหมายของคนทั้งประเทศเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแล ถ้ามองเป้าหมายแล้วย้อนกลับไปว่าเราจะทำอะไรลงไป เพราะปริมาณมันไม่เท่ากัน จากข้างนอกเข้ามาเป้าหมายมันเยอะ 50-70 ล้านคน แต่เรามีปริมาณคน ปริมาณของ ปริมาณวัคซีนเท่านี้ ทำอย่างไรที่จะบริหารส่วนน้อยไปหาส่วนใหญ่ได้ ก็ต้องค่อยๆ ที่ไหนรุนแรงก็ดูแลมากหน่อย ขอให้มั่นใจแล้วกัน ไปพบแพทย์ให้ทันเวลา ไม่ว่าจะเชื้ออะไรก็ตามอย่าปิดบังกันเท่านั้นเอง ขอให้มั่นใจ
จากนั้น อธิบดีกรมควบคุมโรคได้มอบวัคซีนพาสปอร์ตให้กับนายกฯและที่ใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ โดยแนบกับหนังสือเดินทางเพื่อเป็นการยืนยันว่าปราศจากเชื้อโควิดและได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 โดส ที่สามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศ ขณะที่นายกฯได้โชว์พาสปอร์ตให้กับสื่อมวลชน โดยนายกฯย้ำว่า ยังต้องมีการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการสาธารณสุข
พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหน้ากากอนามัยผ้าที่มีข้อความว่า “#l got my shot(DDC)#ฉีดช่วยชาติ” และสัญลักษณ์ชู 2 นิ้ว ที่หมายถึงชัยชนะหรือสู้ๆให้กับนายกฯ โดยนายกฯกล่าวว่า “วันนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะได้รับวัคซีนพาสปอร์ตและหน้ากากเป็นสัญลักษณ์ว่าฉีดแล้วครบแล้ว มาช่วยกันฉีดช่วยชาติ ช่วยกันทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชนของเราทุกคน รักกันมากๆสามัคคีกันมากๆ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ เราจะต้องชนะไปด้วยกัน ขอบคุณมาก” จากนั้นนายกฯได้ชู 2 นิ้ว สัญลักษณ์สู้ๆ รวมทั้งขณะที่ขบวนรถนายกฯได้แล่นผ่านประชาชนและสื่อมวลชนพล.อ.ประยุทธ์ได้ลดกระจกลงพร้อมชู 2 นิ้ว ก่อนเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อปฏิบัติภารกิจ