เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าววถึงกรณีรัฐบาลมีมติออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 7 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยกู้เงินมาแล้ว 1.1 ล้านล้าน และนี่ก็จะกู้อีก 7 แสนล้านบาท หากนับการเข้าบริหารประเทศที่เป็นรัฐบาลมาร่วม 7 ปี รัฐบาลกู้เงินมารวมทั้งที่จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบฯขาดดุลย์มาตลอด ยิ่งบริหารนานก็ยิ่งกู้ กู้จนเงินใกล้เต็มกรอบเพดานของการกู้แล้ว จนเขาเรียกว่า นักกู้สิบทิศแล้ว สวนทางกับการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ไม่เห็นมีฝีมืออะไรในการหารายได้เข้าประเทศเลย  บริหารแบบนี้ใครก็บริหารได้ หากเปรียบเป็นบริษัทเอกชน ที่หารายรับหรือรายได้ไม่เป็น มีแต่รายจ่าย และกู้เป็นอย่างเดียว ที่สุดก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง เปรียบไปหากผู้จัดการบริษัทมีฝีมือแค่นี้ เจ้าของบริษัทต้องไล่ออกแล้ว เขาไม่ปล่อยให้บริหารจนบริษัทเขาเจ๊ง   “ในสถานการณ์โควิด พอเป็นที่เข้าใจว่า รัฐไม่มีรายได้ จึงต้องกู้เพื่อมาแก้ปัญหาโควิด แต่ถามว่า ที่ผ่านมา2ปี เงินกู้ก้อนแรก 1.1 ล้านล้านบาท ผมยังไม่เห็นว่า จะใช้แก้ไขปัญหาอะไรที่เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ต้องถามว่า เงินกู้ 1.1ล้านล้านเอาไปทำอะไร เพราะไม่ได้ตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาเลย บางรายการก็ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 อย่าให้เหมือนที่คนเขาพูดในอดีตที่ว่า งบประมาณเหมือนแท่งไอติม ใครมาก็ดูด พอจะไปถึงประชาชน เหลือเพียงไม้เสียบไอติม ยิ่งตอนนี้โควิดระบาดรอบสาม เที่ยวนี้สาหัสเพราะคนติดจำนวนมาก มีคนไทยตายเกือบทุกวัน จากสาเหตุนายกฯ ไม่เบรกคนออกต่างจังหวัดช่วงสงกรานต์ปีใหม่ไทย แล้วยังจะมากู้เพิ่มอีก7แสนล้านบาท ในทางเศรษฐกิจมองว่าเป็นการกู้มาลงทุนที่สูญเปล่า เพราะลงไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม  หาก พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯบริหารไม่ไหว หรือมีกึ๋นแค่นี้ ก็เสียสละลาออกเถอะครับ ให้คนอื่นมาเป็นแทน หรือหากไม่ออกก็ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยว่า ยังสมประโยชน์กันอยู่ใช่หรือไม่ ทำไมไม่คิดถึงประชาชนบ้าง หรือไม่กลัวพี่น้องประชาชนจะสั่งสอนพรรคร่วมในการเลือกตั้งครั้งหน้า” นายประมวล กล่าว