"บิ๊กป้อม" ปัดวิจารณ์ "เด็กภท." ตำหนิ "นายกฯ" ย้ำให้คิดเป็นพรรคร่วมรัฐบาล "อนุทิน" รู้อะไรควรไม่ควร ด้าน "วิสาร" เผย "ฝ่ายค้าน"พร้อมลงมติ "ไม่รับร่างฯ"งบปี 65 เหตุไม่ตอบโจทย์แก้โควิด หวั่นสูญเปล่าไม่เกิดประโยชน์กับปชช. ขณะที่ "ปปช." เปิดทรัพย์สิน "เทพไท" หลังพ้นส.ส.รวยอู้ฟู่ 927ล้าน
ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 20 พ.ค.64 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.)โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิระบบการฉีดวัคซีนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ที่อาจทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนล่าช้า ว่า ตนไม่มีความคิดเห็น แต่ว่าก็สมควรหรือไม่ก็ไปคิดดูกันเอง เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า จะต้องกำชับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ให้ปรามลูกพรรคว่าอะไรควรไม่ควร หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่ต้องกำชับ เขาเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าอะไรควรไม่ควร"
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ว่า ยังไม่มีความกังวลอะไร เพราะเชื่อมั่นในมาตรการด้านสาธารณสุขของรัฐสภา ทั้งนี้ในการประชุมรัฐสภาในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เชื่อว่าจะปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อยู่ชั้นบนก็มีการเว้นระยะห่าง รวมทั้งหากสมาชิกและครม. ที่ยังไม่ถึงเวลาของการชี้แจง ก็สามารถติดตามการประชุมได้ทางช่องทางสื่อสารอื่นๆ ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามส่วนตัวยอมรับเป็นห่วงในเรื่องของการแพร่ระบาดในชุมชนในตลาดมากกว่า
ทั้งนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า เชื่อว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะไม่กระทบต่อการพิจารณากฎหมายต่างๆ เพราะทุกอย่างได้วางกรอบและกำหนดเวลาไว้แล้ว
ส่วน นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อดีตรมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท เข้าที่ประชุมรัฐภา เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ ว่า จากการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่รัฐบาลจัดทำ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมสภา พรรคเพื่อไทยมีความเห็นตรงกันว่าจะไม่รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2565 เพราะเป็นการจัดงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ การอ้างว่าจัดทำงบประมาณเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโควิดรอบ 3 เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อหาทางออกของรัฐบาล ในขณะที่ความเป็นจริง รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการทหารมากกว่าความมั่นคงทางด้านสาธารณสุข ในสภาวะโรคระบาดเช่นนี้ รัฐบาลกลับเห็นการซื้ออาวุธจำเป็นมากกว่าการรักษาชีวิตคน ซึ่งพรรคการเมืองฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าจะลงมติไม่รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 อย่างแน่นอน
นายวิสาร กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้รัฐบาลออกร่าง พระราชกำหนดหรือ พ.ร.ก.กู้เงินให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและ สังคม จากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 พ.ศ.... วงเงินไม่เกิน 7 แสนล้านบาท ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตามพระราชกำหนด พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มขึ้น เพราะเงินกู้ 1.9 ล้านล้านที่ผ่านมา ที่อ้างว่าจะนำไปฟื้นฟูประเทศและช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผลที่ออกมาคือการตรวจสอบการใช้เงินกู้ของรัฐบาลทำได้ยากมาก และการใช้เงินกู้ที่ผ่านมาไม่ช่วยให้ประเทศฟื้นตัว นอกจากนี้เกิดปัญหาคอรัปชั่น เงินกู้ส่วนใหญ่ถูกใช้ เพื่อนำไปสร้างฐานการเมืองของรัฐบาล นอกจากนี้รัฐบาลเปิดโอกาสให้นายทุนและเจ้าสัวเข้าถึงเงินกู้ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก กลับเข้าไม่ถึงเงินกู้ดังกล่าว การมาขอกู้เพิ่มหวั่นใจว่ารัฐบาลจะนำเงินกู้ไปหาประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายเทพไท เสนพงศ์ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 โดยนายเทพไทแจ้งว่า ตนเองและน.ส.พอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์ สินทั้งสิ้น 927,284,826 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นทรัพย์สินของนายเทพไท 93,455,583 บาท เป็นทรัพย์สินของน.ส.พอเพ็ญ 832, 012,138 บาท เป็นทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,817,104 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินของนายเทพไท และน.ส.พอเพ็ญ จำนวน 76 รายการ มูลค่ารวมกัน 841,210,000 บาท โดยมีทั้งที่ดินที่อยู่ในหลายเขต กทม. และอยู่ตามอำเภอต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราช เพชรบุรี ปทุมธานี นนทบุรี อุทัยธานี กาญจนบุรี นครนายก เงินลงทุนของ น.ส.พอเพ็ญและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มูลค่ารวมกัน 42,199,500 บาท โดยเงินฝากของนายเทพไท น.ส.พอเพ็ญ และบุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 17,915,325 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างในชื่อของนายเทพไท จำนวน 6 หลัง มูลค่ารวม 15,000,000 บาท โดยเป็นบ้านใน กทม. 4 หลัง บ้านที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช 1 หลัง มูลค่า 10,000,000 บาท และที่ อ.เมือง 1 หลัง มูลค่า 3,000,000 บาท ยานพาหนะของนายเทพไทและน.ส.พอเพ็ญ จำนวน 5 คัน มูลค่ารวมกัน 6,400,000 บาท ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่นของนายเทพไท จำนวน 16 รายการ มูลค่ารวม 6,850,000 บาท โดย 15 ราย เป็นนาฬิกายี่ห้อหรู อาทิ ปาเต็กฟิลิปหลายรุ่น ลองเฮ่ โซเน่หลายรุ่น โรเลกซ์ 3 กษัตริย์ โซปาดเรือนทอง พันนาราย ส่วนอีกรายการเป็นอาวุธปืน