วันที่ 19 พ.ค.64 ได้มีนางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี อยู่ 62 ม.1 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ และกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการให้ สามีภรรยาคู่หนึ่ง อ้างว่าเป็นพนักงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังเข้าร้องเรียน และขอความช่วยเหลือ จาก พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ ว่า ถูกนางสาวสุนิตสาและนายอนุพงศ์ (ขอปิดนามสกุล) ทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน หลอกเช่ารถแล้วนำไปจำนำกับเต็นท์รถ ต่างๆในพื้นที่ จ.กระบี่โดยมีผู้เสียหาย ทั้งใน จ.กระบี่ และใกล้เคียง กว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างหนัก เบื้องต้นได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว โดยมีสมปอง รัตนะ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ รับเรื่อง
นางสาวเอ เล่าว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีนางสาวสุนิตสา และนายอนุพงศ์ 2 สามีภรรยา บ้านอยู่ในพื้นที่ ม.2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ได้ติดต่อขอเช่ารถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บพ.6142 กระบี่ จากตน เป็นเวลา 5 วัน โดยทำสัญญา เช่าวันละ 1 พันบาท และได้นัดหมายรับรถกันที่ บริเวณ สะพานเจ้าฟ้า ต.ปากน้ำ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ เมื่อครบสัญญาวันที่ 12 ที่ผ่านมา ตนเห็นทั้ง 2 คน ยังไม่เอารถมาคืน จึงได้โทรตาม ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ จึงได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และมาทราบทีหลังว่ารถของตนได้ถูกนำไปจำนำแล้ว แต่ไม่สามารถเอารถคืนมาได้ เนื่องจากไม่มีเงินไถ่ถอน
ขณะที่ นายไพโรจน์ (ขอสงวนนามสกุล) อ.40 ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า สำหรับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน เป็นน้องชายกับน้องสะใภ้ ของตน ซึ่งมีอาชีพเป็นเซลขายผลิตภัณฑ์แบรนด์หนึ่ง ก่อนนี้ทั้งทั้ง 2 ได้ทักแชทมาชวนทำงานเป็นเซลขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าส แต่เนื่องจากตนมีงานทำอยู่แล้ว ก็ไม่สนใจ และเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้ทักมาหาตนอีกบอกว่าต้องการรถเช่า หลายคัน เนื่องจากทางบริษัทฯใหญ่ต้องการมาเปิดตลาดที่ จ.กระบี่ มีทั้งรถเก่ง ใช้ในการหาลูกค้า รถกระบะ ใช้ในการขนสินค้า และรถหรู 7 ที่นั่ง ใช้สำหรับต้อนรับผู้บริหาร ตนก็หลงเชื่อ ให้เช่ารถเก่ง ไป 1 คัน แล้วยังติดต่อไปกาเพื่อนๆที่รู้จัก หารถมาให้น้องเช่า มีทั้งรถเก่ง และรถกะบะ สุดท้ายถูกน้องเอาไปจำนำหมด ทั้งของตนเองและของเพื่อน
นายไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ทราบว่ารถถูกนำไปจำนำก็ได้ออกติดตามหาพบว่ารถบางคันไปอยู่ในเต็นท์รถมือสอง ถูกนำไปจำนำไว้และเมื่อติดต่อขอคืนข้อพบว่ารถมีการถูกเคลื่อนย้ายออกไปไม่สามารถตามหาได้อีกต้นเชื่อว่าอาจจะถูกนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่เข้าแจ้งความไว้แล้วก็ยังไม่มั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามรถกลับคืนมาให้ได้หรือไม่ จึงต้องมาร้อนให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ช่วยอีกทางหนึ่ง
นายสมปอง รัตนะ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและจะนำเรียนทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ให้ทราบต่อไปสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นทราบว่าทางผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามรถของการกลับคืนมาให้กับทางผู้เสียหาย และหากว่าคดีล่าช้าตนก็จะทำหนังสือเร่งรัดต่อไปอีกทางหนึ่ง

