จากกรณีนางสาวกรรณิกา สายทอง อายุ 26 ปี และนาย วิริทธิ์พล เลี้ยงสอน อายุ 24 ปี 2 สามีภรรยาพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง ( ทนายโป้ง ) ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อขอความช่วยเหลือเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังจากคลอดน้องลลิษา(ลูกสาว)ที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนรัตนาธิเบศร์ ได้เพียง 4 วัน แล้วลูกสาวเสียชีวิตคาโรงพยาบาล
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เม.ย.64 หลังนางสาวกรรณิกาคลอดลูกได้เพียง 1 ชั่วโมงแล้วมีพยาบาลแจ้งว่า น้องลลิษา (ลูกสาว)อุณหภูมิร่างกายต่ำออกซิเจนต่ำต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ วันที่ 7 เม.ย.64 ได้ไปสอบถามอาการเพิ่มเติมอาการยังทรงตัว วันที่ 8 เม.ย.64 ไปสอบถามอีกครั้งแจ้งผลเหมือนเดิม ( มาทราบภายหลังวันที่ 10 เมษายนว่าวันที่ 8 เมษายนได้มีการเจาะกระดูกสันหลังเพื่อตรวจหาเชื้อโดยไม่แจ้งให้ทราบ) จนกระทั่งวันที่ 10 เมษายน ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อมาแจ้งว่าน้องลลิษามีอาการทรุด ต้องย้ายเข้าห้อง nicu ได้มีการให้ยากระตุ้นหัวใจกระตุ้นความดันและอื่นๆอีกหลายตัว ประมาณ 15 นาทีต่อมาหัวใจได้หยุดเต้นครั้งที่ 1 และได้มีการปั๊มหัวใจ ขึ้นมาใหม่และให้ยาเพิ่มจนหัวใจหยุดเต้นครั้งที่ 2 และ 3 ในเวลาไม่ห่างกัน และ เสียชีวิตในเวลาต่อมา
วันที่ 19 พ.ค.64 เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 5 รพ.พระนั่งเกล้า อ.เมือง จ.นนทบุรี คณะผู้บริหาร และ แพทย์ที่เกี่ยวข้องในการทำคลอด ได้เชิญ น.ส.กรรณิการ์และนายวิริทธิ์พล สองสามีภรรยา พร้อมนายเกียรติคุณ ต้นยาง (ทนายโป้ง) ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เข้าร่วมปรึกษาหารือ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือพ่อแม่ของน้องลลิษา หบังต้องสูญเสียบุตรสาวหลังคลอด การประชุมใช้เวลานานกว่าหลายชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น โดยมีการทำสัญญาเป็นหนังสือลงลายลักษณ์อักษร เพื่อช่วยเหลือทั้งสองคน ซึ่งในวันนี้มีการมอบเงินส่วนหนึ่งเป็นสินน้ำใจในการช่วยเหลือการทำศพ ปลอบขวัญ และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆสำหรับการจัดพิธีศพ
ส่วนความช่วยเหลือต่อไปทางโรงพยาบาลจะทำเรื่องการเสียชีวิตของน้องลลิษาไปยังกระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 41 หากเข้าเงื่อนไขตามกฎระเบียบ คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน จะได้เงินชดเชยราว 400,000 บาท ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดี มีการทำบันทึกเป็นหนังสือสัญญาลงนามร่วมกันทั้งสองฝ่ายจนเป็นที่พอใจ ห่กไม่มีอะไรติดขัดหรือขัดข้อง ทางพ่อแม่น้องลลิษาก็จะถอนแจ้งความและไม่ติดใจเอาความใดๆทั้งทางแพ่งและทางอาญา
ทนายโป้ง กล่าวว่า ตอนนี้เบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้เจรจากับผู้เสียหาย มีการเยียวยาค่าเสียหายกันยังไงบ้าง มีระยะเวลาภายใน 90 วัน ถ้าหากพ้นกำหนดนี้แล้ว ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายว่าจะเอายังไงต่อ ขอขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ไกล่เกลี่ยทำให้เกิดข้อตกลงในวันนี้ ถ้าเลยกำหนด90 วัน แล้วเกิดผลสำเร็จทางผู้เสียหายคงไม่ติดใจอะไร แต่ถ้าเลยกำหนดแล้วไม่ได้ผลจะขึ้นอยู่กับทางผู้เสียหายว่าจะดำเนินคดีอย่างไรต่อไป
ขณะที่นายจอมพจน์ ภู่รักศักดิ์ศรี ผู้ไกล่เกลี่ยขึ้นทะเบียน กรมคุ้มครองสิทธิ์มนุษยชน รับมอบอำนาจจากทาง รพ. เผยว่า วันนี้เข้ามาเป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ย วันนี้ได้เข้ามาใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพากระหว่างโรงพยาบาลรัฐ และคุณพ่อคุณแม่ที่มีการสูญเสียลูกสาว กระบวนการนี้จะไม่สามารถเดินต่อได้ถ้าไม่มีการทำความเข้าใจกัน ซึ่งตอนนี้เข้าไปสู่ขบวนการเยียวยาในมาตรา 41 จะเป็นการดูแลสภาพจิตใจของคุณพ่อคุณแม่และครอบครัว ในวันนี้หลังมีการพูดคุย ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีทางออกร่วมกัน ทำให้ทางคุณพ่อคุณแม่มีการไว้วางใจทางเรามากขึ้น เมื่อทางคุณพ่อคุณแม่มีทนายความเข้ามาทางเราจึงให้เกียร์ติ แต่จะมีความพึงพอใจในระดับไหนคงจะไม่สามารถบ่งบอกตัวชี้วัดได้ แต่จะต้องช่วยเหลือตามมาตรการเยียวยากับผู้สูญเสีย
ขณะที่นางสาวกรรณิการ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ไกล่เกลี่ยกับทางครอบครัวเรา ตอนนี้ได้ทำบันทึกแล้วว่าสรุปได้ไปในทางไหน ทางเราได้ยื่นมาตรา 41 ไป โดยทางโรงพยาบาลยืนยันว่าจะช่วยเหลือเรา ซึ่งทางโรงพยาบาลได้จ่ายค่าเยียวยาเบื้องต้นคือการทำศพน้อง โดยทาง ผอ. รองผอ. และคณะผู้บริหาร ซึ่งเราเองก็เข้าใจ และขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยเหลือ