"จุรินทร์"เผย"นายกฯ"จะชี้แจงเอง! ปม"ครม."มีมติไฟเขียว"พรก.กู้เงิน" 7แสนล้าน ยันกู้คราวนี้ใช้สู้โควิด-จัดหาวัคซีนเพิ่มเติม-ฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าประชุมสภาฯถกพ.ร.บ.งบปี 65 "คลัง"เผยกู้เพิ่ม 7 แสนล้าน ดัน GDP โตเพิ่มจากคาดการณ์ 1.5% ขณะที่"อัยการ"สั่งฟ้อง"สมบัติ ทองย้อย"อดีตการ์ดเสื้อแดงคดี ม.112
ที่ศูนย์ลานกีฬาชุมชนห้วยขวาง เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมื่อวันที่ 19 พ.ค.64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงรายละเอียดกระแสข่าวที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้เพิ่มเติมวงเงิน 700,000 ล้านบาท ว่า วงเงินดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 30,000 ล้านบาทแรก จะใช้สำหรับแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม, การจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ และ 400,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมชดเชยเยียวยาเพิ่มเติม และ 270,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และรัฐบาลก็ต้องเข้าไปกำกับดูแลให้เป็นไปตามนี้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยทั้งในการแก้ปัญหาโควิด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน กับการใช้งบประมาณประจำปี ซึ่งเป็นการไปเสริมกัน ส่วนว่าครม.เห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ดังกล่าวแล้วหรือไม่นั้น ขอให้นายกรัฐมนตรี หรือโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง
นายจุรินทร์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 วาระแรก ในวันที่ 31 พ.ค. -2 มิ.ย.นี้ ว่า โดยมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ แม้ฝ่ายค้าน จะเตรียมการอภิปรายอย่างเข้มข้น เพราะฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว และเมื่อมีการพิจารณางบประมาณ ฝ่ายค้านก็จะต้องตรวจสอบติดตามตามปกติ ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ก็จะมีหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดงบประมาณของแต่ละกระทรวง โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการกำชับให้แต่ละกระทรวงได้ลงลึกไปดูในรายละเอียด และทำหน้าที่ชี้แจงในส่วนงบประมาณของแต่ละกระทรวงโดยรัฐมนตรีเป็นผู้ทำหน้าที่หลัก ส่วนท่านนายกรัฐมนตรี ก็จะได้ชี้แจงในภาพรวม
เมื่อถามถึงความกังวลในการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่สภาฯขึ้นได้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประธานสภาฯ ทราบอยู่แล้ว และได้มีการสั่งการ เตรียมการมาโดยลำดับอยู่แล้ว ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกติกาที่ได้กำหนดไว้ ก็คิดว่ามีความปลอดภัยในระดับที่น่าจะมั่นใจได้
เมื่อถามว่า ได้กำชับให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าประชุมสภาฯไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องฉีดวัคซีน หรือมีใบรับรองผลการตรวจโควิด ซึ่งประธานสภาฯก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบแล้ว สำหรับผู้ติดตาม ส.ส. ผู้ช่วยรัฐมนตรีจะต้องฉีดวัคซีนอย่างไรนั้น นายจุรินทร์ ก่าวว่า ต้องลงทะเบียนหมอพร้อมให้เป็นไปตามคิว เพราะพรรคไม่มีนโยบายให้ใครไปลัดคิว และใช้สิทธิพิเศษอะไร
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในการพิจารณาให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มเติม ภายใต้ร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... โดยมีกรอบวงเงินกู้ไม่เกิน 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบ ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประเทศยังคงมีความต้องการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่ากรอบวงเงินที่เสนอนี้ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยปี 64 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดไว้อีกประมาณ 1.5% อีกทั้งการดำเนินการกู้เงินของรัฐบาลภายใต้ร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้ เมื่อรวมกับประมาณการการกู้เงินอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะแล้ว จะส่งผลให้สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ย.64 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 9,381,428 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.56% ของ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่ 60% ของ GDP
รายงานข่าวระบุถึงความจำเป็นที่ ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ว่า เนื่องจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ฉบับเดิมที่กำหนดให้มีการกู้เงินแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.64 เหลือวงเงินเพียง 1.65 หมื่นล้านบาท ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังยืดเยื้อ และมีการระบาดระลอกใหม่ช่วง ม.ค.-พ.ค. ซึ่งแม้จะมีวัคซีนเข้ามา แต่ก็ไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่าจะควบคุมการระบาดได้ โดยมีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 จะเหลือเพียง 3.2 ล้านคน ลดลงจากเดิม 5 ล้านคน และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวเหลือ 2.3% ต่ำกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 2.8%
นอกจากนี้ การระบาดยังส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2563 ต่ำกว่าประมาณการ 3.43 แสนล้านบาท อีกทั้งในปี 2564 การจัดเก็บรายได้ยังคงได้รับผลกระทบเช่นกัน
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเห็นควรกำหนดกรอบวงเงินเพื่อรองรับสถานการณ์ไว้ไม่เกิน 7 แสนล้านบาท เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่ สศค.ประมาณการไว้อีก 1.5% โดยมีกรอบการใช้จ่ายคือ 1.จัดหาวัคซีน 3 หมื่นล้านบาท 2.เยียวยาผลกระทบ 4 แสนล้านบาท และ 3.ฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก 2.7 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.ก.ดังกล่าวแล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎหมายเร่งด่วนต่อไป และมอบหมายให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณปี 2565 เพื่อชำระดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน การออกและการจัดการตราสารหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.ดังกล่าวต่อไป
ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบวาระลับตามที่กระทรวงการคลังเสนอออกพ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเยียวยาประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการเพิ่มเติม เนื่องจากการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ว่า 3 สิ่งที่รัฐบาลควรทำก่อนกู้เงินแบบลับๆ ที่ทำเอกสารแค่ 4 แผ่น ในการอนุมัติสร้างหนี้ให้คนไทยเพิ่มอีก 700,000 ล้านบาท เบื้องต้นเห็นด้วยกับการที่เราต้องอัดเม็ดเงินเพิ่มเพื่อเยียวยาประชาชน ธุรกิจที่เดือดร้อน และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สำคัญที่สุด คือ การหยุดยั้งการระบาดโควิด-19 อย่างถาวร ด้วยการทุ่มงบประมาณจัดซื้อวัคซีนที่มีคุณภาพดีให้เพียงพอกับประชาชนอย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนที่จะกู้เงินเพิ่มรัฐบาลควรดำเนินการ ดังนี้
1.ตัดงบปี 2565 ไม่จำเป็นเร่งด่วน ที่ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้ให้คนไทย ออกไปทั้งหมดก่อน เช่น งบกระทรวงกลาโหม 203,282 ล้าน เพราะขณะนี้ศัตรูของคนไทย คือ เชื้อโรคตัวเล็กๆ ที่ใช้อาวุธสงครามไปเข่นฆ่าไม่ได้ จึงเห็นว่างบประมาณในปี 2565 ยังสามารถตัดมาเพื่อทุ่มซื้อวัคซีนคุณภาพดี และใช้ในการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อีกอย่างน้อย 15% หรือเกือบ 500,000 ล้านบาท
2.เงินกู้ใหม่ต้องไม่เป็นการตีเช็คเปล่าเหมือนเงินกู้ 1 ล้านล้านรอบที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลนำไปใช้อย่างไร้ประสิทธิภาพ จนกระทั่งประชาชนและธุรกิจเดือดร้อนไม่ได้รับการช่วยเหลือ และมีข้อกังขาเรื่องความโปร่งใสมากมาย ก่อนสภาจะอนุมัติเงินกู้ใหม่ รัฐบาลต้องชี้แจงรายละเอียดให้ทราบชัดเจนก่อนว่า จะใช้เงินกู้ของประชาชน ไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนบ้าง ทั้งกรอบเงินกู้เยียวยาประชาชน อีก 400,000 ล้าน และฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก 270,000 ล้าน ต้องเป็นโครงการที่ลงไปถึงประชาชนและผู้ประกอบการที่เดือดร้อนได้อย่างแท้จริง ทั่วถึง เป็นธรรม และตรงเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งกรอบเงินกู้เพื่อแผนงานด้านสาธารณสุขอีก 30,000 ล้าน ต้องลงไปพัฒนาศักยภาพของระบบสาธารณสุข เพื่อรองรับการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อวัคซีนคุณภาพดีอย่างรวดเร็ว
และ3.ต้องใช้เงินกู้ของประชาชนทุกบาทอย่างโปร่งใส ซึ่งแม้จะคาดหวังได้ยากจากรัฐบาลนี้ เพราะแค่ขั้นตอนแรกในการอนุมัติงบนี้ก็แอบทำอย่างลับที่สุดแล้ว โดยรัฐบาลต้องคำนึงอยู่เสมอว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่รัฐบาลกู้มา คือภาระของลูกหลานไทยที่ต้องใช้หนี้กันอย่างยาวนาน หนี้ของประชาชนต้องใช้เพื่อประชาชนและต้องใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความโปร่งใสไร้ทุจริต
ที่สำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ พนักงานอัยการสำนักงานอาญากรุงเทพใต้ มีความเห็นสั่งฟ้อง นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง ในความผิดที่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวบรวมสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง เสนอพนักงานอัยการในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (3)
สำหรับเหตุในคดีสืบเนื่องจาก นายศรายุทธ สังวาลย์ทอง ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสมบัติ จากการโพสต์ข้อความสาธารณะลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า "สมบัติ ทองย้อย" จำนวน 3 ข้อความ โดยกล่าวหาว่าข้อความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
นายสมบัติ เปิดเผยว่า ในคดีความมาตรา 112 จากการโพสต์เฟซบุ๊ก 3 ข้อความ ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ประหลาด กับการนำสิ่งที่โพสต์มาเป็นคดีความ ก็ว่ากันไปตามกระบวนการทางด้านกฎหมาย ให้ทางศาลพิจารณาไปว่าผิดถูกอย่างไร ทั้งนี้ขอให้ประชาชนระวังช่วงนี้ในเรื่องการโพสต์ถึงสถาบันฯ เพราะเตือนด้วยความหวังดี การขึ้นโรงขึ้นศาลไม่ใช่เรื่องสนุก มีแต่เรื่องเหนื่อย เสียเวลาเสียทุกอย่าง เอาเป็นว่าถ้าระวังกันได้จะดีที่สุด
ส่วนความกังวลในคดีนั้น ไม่มีความกังวล และได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว แต่มีความเป็นห่วงถ้าถูกยื่นฟ้อง อย่างที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์โควิดข้างในเรือนจำ เพราะถ้าถูกฟ้องและไม่ได้ประกันก็เหมื
อนกับเอาตัวเองไปติดโรค ซึ่งขอขอบคุณทีมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนที่ช่วยเหลือมาทุกเรื่อง ถ้าไม่ได้บุคลากรเหล่านี้ ตนเองรวมทั้งกลุ่มราษฎรก็คงจะแย่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องจะยื่นฟ้องนายสมบัติต่อไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้