นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร รายงานสถานการณ์ถึงสภาพการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ว่า ขณะนี้โดยในภาพรวมของพื้นที่ถือว่าที่สามารถรับมือได้ ซึ่งไม่มีปรากฏผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ใหม่อะไร ให้น่ากังวลใจ ส่วนที่น่ากังวลอยู่บ้าง คือ ปัญหาการเดินทางติดต่อกันระหว่างคนในสมุทรสาครหรือกับพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งอาจจะมีการติดกันเองในครัวเรือน เพราะรอบนี้นับเป็นการติดกันภายในครัวเรือนอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ขอให้ทุกคนคงต้องตั้งสติ เพื่อยกการ์ดให้สูงตลอดเวลา ถึงแม้จะได้ฉีดวัคซีนครบแล้วก็ตาม
ส่วนปัญหาของการแพร่ของเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ จ.สมุทรสาครนั้น โดยจากการเข้าติดตามสำรวจมาเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน พบว่าทางเรือนจำสมุทรสาครก็มีการบริหารจัดการค่อนข้างดีมาก มีการแบ่งโซนด้วยจำนวนถึง 3 โซนด้วยกัน และผู้ต้องขังรายใหม่ก็จะต้องอยู่ในสถานแรกรับอย่างน้อย 28 วัน และหากพ้นระยะของการแสดงอาการเชื้อ จากนั้นจึงจะถูกส่งตัวเข้าสู่แดนต้องขัง แต่ที่น่าเป็นห่วงและกังวลใจอยู่บ้าง คงเป็นเรื่องความแออัดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีขอยืนยันได้คือ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาครยังไม่ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด หรือกล่าวได้ว่าผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดฯ คงเป็นศูนย์
ขณะที่ในด้านการเตรียมพร้อมฉีดวัคซีนให้กับบรรดาแรงงานต่างด้าว สอดคล้องที่รัฐบาลมีมติเห็นชอบ ว่าทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินไทยก็จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.สมุทรสาคร นำโดยผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เช่นเดียวกันก็มีนโยบายให้คนไทย สามารถได้ฉีดวัคซีนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตาคนไทยต้องได้รับการฉีดก่อน ขณะที่แรงงานข้ามชาติ มีค่าใช้จ่ายแต่เป็นค่าใช้จ่ายที่พวกค้าจ่ายผ่านระบบประกันสุขภาพ และประกันสังคม อย่างไรก็ตามยันได้ว่าสำหรับทางจังหวัดนั้นมีความพร้อมในการฉีดให้ทั้งคนไทยและแรงงานข้ามชาติ
ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ถ้าหากผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดไปแล้ว ก็ยังสมควรที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนฯเพื่อกระตุ้นภูมิอีกเข็มที่ 2 เข็ม โดยไม่จำเป็นต้องตรวจภูมิ อย่างไรก็ตามผู้คนในประเทศไทยและทั้งชาวสมุทรสาคร ก็พร้อมพากันเดินหน้าไปได้แต่ต้องได้ใช้วัคซีนไปด้วยเท่านั้น
ด้าน นายชำนาญ เล็กสกุล ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้ชี้แจงว่า ทางเรือนจำฯขณะนี้ ก็มีมาตรการต่างๆเพื่อป้องกัน ซึ่งล่าสุดในสภาพไร้การติดเชื้อโควิด-19 (หรือยังเป็น 0) ซึ่งมีจำนวนผู้ต้องขังทั้งสิ้น 2,206 ราย “เป็นชาย 1,946 ราย-หญิง 260 ราย” ขณะที่ฐานะกลุ่มเปราะบาง หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องดูแลทุกคนเพื่อให้ปลอดภัยอย่างทั่วถึง โดยกิจกรรมที่ต้องทำด้านนอกได้สั่งให้งดเว้น นอกจากมีนักโทษต้องออกไปหาหมอ หรือกลับจากศาล ซึ่งก่อนกลับเข้าแดนปกติก็ต้องผ่านกระบวนการกักตัว 28 วันด้วยเช่นกัน
ซึ่งทาง นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร ก็ได้มีการกำชับให้เฝ้าดูแลระวังกันมากพิเศษ เพราะมีตัวอย่างที่เกิดเหตุการณ์การแรพ่ระบาดอย่างเช่นจังหวัดอื่นๆ ที่ผู้ติดเชื้อปล่อยหลุดเข้าไป ทั้งนี้ซึ่งก็น่าเป็นห่วง
"หากมีที่ติดโควิดฯ รายหนึ่งรายใดหลุดเข้าไปแพร่เชื้อดังนั้นจะลุกลามกระจายตัวได้ง่ายๆทันทีกับผู้ต้องขังรายอื่นได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามดังนั้นจึงวางมาตรการกำหนดการเฝ้าระวังปัญหาดังกล่าวสำหรับด้านเรือนจำสมุทรสาครเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุบานปลายที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้" นายชำนาญกล่าว