วันที่ 18 พ.ค.64 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลในงบปี 2565 ว่าจากการติดตามข้อมูลประเมินว่าการจัดสรรงบในครั้งนี้เป็นการจัดสรรตามที่หน่วยราชการเสนอมาตามปกติตามระบบราชการ ซึ่งมองว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งประชาชนอยู่ในภาวะวิกฤต สิ่งแรกที่จะต้องยกเป็นวาระแห่งชาติก็คือ การแก้ปัญหาให้ประชาชนก้าวพ้นจากสถานการณ์ของโรคระบาดรวมที่มีทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลอย่างหนักซึ่งสองเรื่องนี้ถือว่าประชาชนได้รับผลกระทบอย่างสาหัส สิ่งจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณในการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
"วันนี้ประชาชนต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาดมีผู้เสียชีวิต รวมทั้งยังต้องเจอวิกฤตเศรษฐกิจแต่การจัดสรรงบ ไม่มองถึงจุดนี้ยังพิจารณาเงินภาษีของประชาชนแบบเช้าชามเย็นชาม ใครขอมาเราจัดให้ ใครสนิทกว่าก็รับเงินไปมือใครยาวสาวได้สาวเอาในระบบงบประมาณแบบไทยๆ"
นายณัฐชา ยังระบุว่า จากการที่ติดตามรายละเอียดงบประมาณในเบื้องต้น พบว่าการจัดสรรงบในส่วนของกระทรวงกลาโหม ยังอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ได้รับการจัดสรรซึ่งตนเองไม่แปลกใจ เนื่องจากผู้นำรัฐบาลนั้นเป็นอดีตนายทหาร แต่ไม่ว่าอดีตจะเป็นใคร สิ่งสำคัญคือการใช้เงินต้องให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุดเพราะเป็นเงินที่มาจากภาษีประชาชน ขณะที่งบประมาณในส่วนอื่นๆ อาทิ งบกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง มองว่าในสถานการณ์วิกฤตอย่างนี้ ยังไม่ตอบโจทย์และยังมองไม่เห็นว่าจะช่วยพี่น้องประชาชนให้พ้นวิกฤตทั้งเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจได้อย่างไร โดยหากการจัดสรรงบประมาณยังเป็น แบบเดิมการแก้ปัญหาจะไม่ประสบความสำเร็จ
"ถ้าพิจารณางบประมาณแบบเช้าชามเย็นชามแบบนี้ไม่ต้องมีนายกรัฐมนตรีก็ได้ แค่มีข้าราชการประจำทำงานกันไปแบบเดิม แล้วให้ประเทศพังกันไปข้างนึงแบบนี้ทำได้เลย วันนี้คุณเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเสนอตัวเป็นหัวหน้าทุกทีมแต่มันห่วยและพังพินาศทุกทีม" นายณัฐชา กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่าวันนี้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจความเป็นอยู่ ซึ่งการบริหารจัดการงบประมาณจากภาษีประชาชนนั้นยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดเฉพาะในช่วงสถานการณ์วิกฤต พร้อมย้ำว่าการจัดสรรงบเป็นไปเพื่อการหาเสียงล่วงหน้า และใช้งบประมาณในการเสริมสร้างฐานอำนาจของตนเอง
ทั้งนี้ โฆษกพรรคก้าวไกล ย้ำว่า ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2565 ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ตนเองจะติดตามการจัดสรรงบประมาณในส่วนที่จะไปช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชน ซึ่งหากไม่มีหรือมีการจัดสรรงบประมาณค่อนข้างน้อย ก็เตรียมสอบถามถึงความชัดเจนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน