เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นกรณีนายกรัฐมนตรี ประกาศการปราบทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯประกาศปราบทุจริตเป็น‘วาระแห่งชาติ’ เปิดให้ประเมินหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ) มีเนื้อหาดังนี้... วาระแห่งชาติเรื่องการปราบทุจริต!!! วาระจริงหรือวาระสลับขาหลอก? 1.จู่ๆในวันอาทิตย์ก็มีการประกาศให้การปราบการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้คนงงกันทั้งเมืองว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะศึกใหญ่ที่เผชิญหน้าอยู่คือศึกโคบ้าที่กำลังก่อเกิดหายนะอย่างใหญ่หลวง แล้วจะจบกันอย่างไร? 2.การปราบทุจริตพูดกันมาตลอดแต่ทำตามที่พูดหรือไม่ก็รู้กันอยู่ 3.ถ้าจะให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะปราบทุจริตเป็นวาระแห่งชาติจริง ก็ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนรองรับอย่างน้อย 5 เรื่อง คือ 3.1 เอานักการเมืองที่มีกรณีพัวพันเรื่องทุจริตออกจากตำแหน่งแล้วแต่งตั้งคนตงฉินเข้ามาทำหน้าที่แทน 3.2 เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับอธิบดีหรือเทียบเท่าขึ้นไปถ้ามีเรื่องเกี่ยวข้องกับการทุจริต ต้องให้พักราชการไว้ก่อน และต้องทำให้เห็นประจักษ์ภายใน30วัน 3.3 คดีหรือกรณีทุจริตที่สนั่นเมืองที่กลบเกลื่อน ปกป้องกันมานับพันเรื่อง อย่างน้อย 10 เรื่องต้องดำเนินการชำระสะสางให้เสร็จภายในเวลา1เดือนหรืออย่างช้า45วัน!!! ต้องปราบทั้งเสือและแมลงวัน!!! 3.4 ให้ยกเลิกข้อยกเว้น ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายตำแหน่งไม่ต้องแจ้งทรัพย์สิน และต้องให้แจ้งทรัพย์สินภายใน30วัน 3.5 ออกพระราชกำหนดแก้ไขวิธีตรวจสอบทรัพย์สินของ ป.ป.ช.ใหม่ กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีทรัพย์สินมากกว่ารายได้รวมที่ยื่นเสียภาษี15ปี ว่ามีที่มาของทรัพย์สินหรือรายได้อย่างไร และได้เสียภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ โดยต้องแจ้งที่มาภายใน30วัน ถ้าแจ้งที่มาไม่ได้ให้อายัดทรัพย์สินนั้นไว้ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน และให้ตรวจสอบว่าการได้มาซึ่งทรัพย์สินนั้นเสียภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ แล้วจัดเก็บภาษีพร้อมเงินเพิ่มเบี้ยปรับให้ครบถ้วน ทั้งนี้ให้ทำภายใน75วัน ขอเพียงทำ 5 เรื่องนี้ให้ประจักษ์ การปราบทุจริตก็จะเป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริงและจะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ อย่าลืมว่าคนไทยยังไม่ลืมสัจจะวาจา “อีกไม่นาน” แล้วจะคืนอำนาจนะครับ!!! เพราะวาระแห่งชาติที่ไม่มีมาตรการหรือการปฏิบัติรองรับ ก็จะกลายเป็นเรื่องลมๆแล้งๆเหมือนวาระแห่งชาติหลายเรื่องที่ได้ประกาศมาแล้วนั่นเอง