วันที่ 17 พ.ค. เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานสถานการณ์ และแผนการกระจายวัคซีนซึ่งจะมี 1.การลงทะเบียน "หมอพร้อม" 2.การให้ อสม.ชักชวน 3.กลุ่มองค์กรทั้งรัฐและเอกชน สามารถรวบรวมพนักงาน แล้วทำเรื่องส่งถึงกรมควบคุมโรคเพื่อขอรับการสนับสนุนฉีดวัคซีน ซึ่งมี 2 ลักษณะคือใช้สถานที่ และบุคลากรที่กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ หรือหน่วยงานจะจัดพื้นที่ฉีดแล้วจ้างบุคลากรจากรพ.เอกชนมาฉีดให้ก็ได้ แล้วกระทรวงสาธารณสุขจะส่งวัคซีนไปให้ เหมือนกับกระทรวงคมนาคมจัดพื้นที่สถานีกลางบางซื่อเพื่อฉีดให้กับบุคลากรในเครือข่ายคมนาคมทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ เป็นต้น หากตรงนี้ฉีดเรียบร้อยแล้วอาจจะขอใช้เป็นพื้นที่ฉีดให้กับองค์กรอื่นๆ ต่อไป
นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างกรณีที่รมว.แรงงานออกมาระบุว่าพร้อมฉีดให้กับผู้ประกันตนเองนั้น เราหารือร่วมกันมาตลอด ยิ่งเป็นการดีในการเข้ามาช่วยกันฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ใครฉีดแล้วก็ตัดยอดออก และยืนยันว่าวัคซีนมีเพียงพอ อย่างวัคซีนซิโนแวคที่เข้ามาก่อนหน้านี้ 1.5 ล้านโดสก็กระจายไปแล้ว และจะเข้ามาอีกภายในเดือนนี้ราวๆ 1 ล้านโดส เช่นเดียวกับวัคซีนแอสตราเซเนกา ก็จะเข้ามาในปลายพ.ค.นี้อีก 1.7 ล้านโดส ทั้งนี้พื้นที่ไหนจะได้วัคซีนชนิดใดนั้นให้เป็นไปตามความเหมาะสมของพื้นที่ อย่างพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก ในชุมชนแออัด ก็จะต้องใช้วัคซีนของแอสตราฯ เพราะภูมิคุ้มกันขึ้นเร็ว ส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็ใช้วัคซีนของซิโนแวค
เมื่อถามว่าขณะนี้กลุ่มที่ลงทะเบียนหมอพร้อมแสดงความไม่พอใจเนื่องจากลงทะเบียนตามระบบแล้วต้องรอคิวฉีด แต่กลับถูกแซงคิวโดยกลุ่มคนวอล์ค อิน นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีแซงคิว การวอล์ค อินจะได้ลำดับท้ายๆ ของวันด้วยซ้ำไป หลังจากที่คนนัดหมายไม่มาตามนัด เพราะวัคซีนเตรียมเอาไว้แล้วจะต้องฉีด
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ขณะนี้ ที่มีอัตราการติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นสูงนั้น เป็นการติดแบบกลุ่มก้อน แบบปิดที่เราสามารถเข้าไปทำบับเบิล แอนด์ ซีล ได้ทัน ทั้งราชทัณฑ์ หรือแคมป์แรงงานบริษัทอิตาเลียนไทยก็สั่งปิดแคมป์ แล้วให้มีการตั้งรพ.สนามข้างใน แยกกลุ่มคนอาการสีเขียว สีเหลือง และสีแดง และนำพวกที่มีอาการที่ต้องถึงมือหมอจริงๆ ทั้งนี้สัดส่วนการแสดงอาการการติดเชื้อฯ รอบนี้ พบกลุ่มอาการสีเขียว 70% กลุ่มอาการสีเหลือง 20% และสีแดง 10% ซึ่งกลุ่มสีเขียวนั้นรักษา 14 วันก็หาย อย่างไรก็ตามจะมีการจัดสรรวัคซีนเข้าไปฉีดในเรือนจำด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีการระบาดเพิ่มขึ้นต้องแรับเปลี่ยนมาตรการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้การระบาดลักษณะเป็นคลัสเตอร์ ในเรือนจำ ในแคมป์คนงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีคนรวมตัวกันเยอะ แต่สามารถควบคุมได้อยู่ ไม่ใช่เป็นการเดินไปเดินมาแล้วเชื้อกระจาย ซึ่งเรามีมาตรการในการควบคุมอยู่ ยังไม่จำเป็นต้องล็อคดาวน์กทม. อย่างในเรือนจำก็เป็นบับเบิลแอนด์ซีล มีผู้ติดโควิดประมาณ 60% หรือประมาณ 5 พันคน เป็นกลุ่มสีเขียว กลุ่มนี้หากไม่มีอาการอะไร รักษา 14 วัน ก็หาย แล้วในเรือนจำมีจำนวนคนที่ตายตัว จึงไม่มีเพิ่มไปกว่านี้แล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า การที่ ศบค.มีการผ่อนคลายให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้นั้นมีการพิจารณาหลายด้าน ซึ่งก็อยู่ในสถานการที่สามารถทำได้ เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้า ต่อลมหายใจให้คนหาเชื้อกินค่ำ แต่ต้องขอความร่วมมือให้เน้นการซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน และปฏิบัติเข้มมาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และทำงานที่บ้านให้มาก เพราะหากเราผ่อนคลายแล้วสถานการณ์แย่ลงก็คงต้องสั่งปิดอีก