"ประสิทธิ์ เจียวก๊ก"ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน ควงทนายมอบตัวที่กองปราบฯ ลั่นขอสู้คดีเอี่ยวขบวนการตุ๋นเงิน 1,000 ล้าน ยันถูกกลั่นแกล้ง ชี้ตนเองก็เสียหาย 100 ล้าน เหมือนกัน แถมถูกเอาชื่อไปโยงขัดแย้งการเมือง จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม(บก.ป.) สนธิกำลังร่วมกับ บก.ปอศ. และบก.ปอท. เปิดปฏิบัติการ "ปิดเกมส์ คนเหนือโลก" บุกทลายเครือข่ายของ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน หลังร่วมกับพวกเปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ 4 คน เหลือเพียงนายประสิทธิ์หัวหน้าขบวนการกับ นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งถูกกดดันหนัก จนนายประสิทธิ์ประกาศขอเข้ามอบตัว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก พร้อมทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ โดยนำเอกสารหลักฐานสำคัญต่างๆมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทางคดี โดย นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว จึงได้เตรียมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน มั่นใจว่ามีข้อมูลสามารถชี้แจงและต่อสู้คดีตามกฏหมายได้ ยืนยันสิ่งที่พูดไปทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง และมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตนถูกกลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมาส่วนตัวก็ตกเป็นผู้เสียหายสูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาทเช่นเดียวกัน "ที่ผ่านมาปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างมาก อีกทั้งยังถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้สังคมแยกแยะระหว่างการระดมทุนทางธุรกิจกับการทำธุรกิจแบบเครือข่าย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่ายังมีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่ และหากตัวเองกระทำความผิดจริงต้องรับโทษตามกฎหมายอยู่แล้ว" นายประสิทธิ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวเข้าไปทำการสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม ระหว่างที่ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เข้ามอบตัว ได้มีกลุ่มตัวแทนผู้เสียหายกว่า 20 คน นำโดย นายอติชาต เลาหพิบูลย์กุล เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่เคยแจ้งความกล่าวหา นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวก แจ้งความฉ้อโกงฯ โดย นายอติชาต ผู้เสียหาย ระบุว่า ส่วนตัวรับว่าร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ มานานร่วม 2 ปี โดยตัวเองมีมูลค่าเสียหาย 80 ล้านบาท ลงทุนทุกรูปแบบที่นายประสิทธิ์เสนอออกมา เนื่องจากมีความเชื่อถือ นายประสิทธิ์ เป็นบุคคลมีต้นทุนทางสังคม และตัวเองก็เคยมีโอกาสได้ลงพื้นที่ร่วมทำจิตอาสาร่วมกับนายประสิทธิ์ด้วย นายอติชาต กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการทำธุรกิจของนายประสิทธิ์ไม่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เพราะมีธุรกิจจริง ได้ผลประกอบการ และไม่ได้ปันผลจากการแนะนำต่อแต่อย่างใด นายประสิทธิ์อ้างว่าบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่อง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงที่บริษัทนายประสิทธิ์เติบโต ขณะที่ ผู้เสียหายอีกราย อ้างว่า เคยเป็นพนักงานในบริษัทของนายประสิทธิ์ โดยสมัครเข้าทำงานช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกชักชวนให้นำเงินลงทุนสหกรณ์ อ้างจะให้เงินปันผล 15 เปอร์เซ็นต์ ของเงินลงทุนทุก 39 วัน เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะพนักงานเท่านั้น ตนจึงไปชักชวนครอบครัวและญาติร่วมลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลครบทุกรอบ แต่เมื่อภายหลังขอเงินลงทุนคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยง ช่วงเมษายนที่ผ่านมาพนักงานติดต่อให้ไปเซ็นเอกสารประนอมหนี้ โดยระบุจะแบ่งจ่ายชำระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ภายหลังกลับติดต่อไม่ได้ ทุกวันนี้ลำบากมาก เพราะไม่มีเงินจะใช้จ่าย ต้องจำนำของในบ้านแทบทั้งหมด