วันที่ 17 พ.ค. นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้กำกับการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ออกประกาศ เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19)(ฉบับที่ 31) ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 ความว่า ... ตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีประกาศมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามประกาศจังหวัดร้อยเอ็ด จนถึง (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 ไปแล้ว ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) ในหลายพื้นที่ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) ของจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างเหมาะสมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 28 มาตรา 34 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ดตามมติที่ประชุมครั้งที่27/2564 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 จึงกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) ดังต่อไปนี้ 1. มาตรการเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 1.1 การเดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด งดหรือชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจําเป็นโดยเฉพาะให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่พื้นที่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ 1.2 การเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด หากประชาชนที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อ 1.1 เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือพำนักในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อถึงพื้นที่ปลายทาง หมู่บ้าน ชุมชน หรือสถานที่อื่นใด จะต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ภายใน 24 ชั่วโมง และต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด 2.การใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท ให้สามารถใช้อาคารสถานที่ เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ ได้ตามความเหมาะสมและความพร้อม โดยให้ดำเนินการตามคำแนะนำของทางราชการและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี 3.แนวทางการปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหรือการดำเนินการของบุคคล สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดตามประกาศจังหวัดในกรณีที่พบผู้ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งให้ผู้นั้น ปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป 4.การเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19)ที่กำหนดเป็นวาระแห่งชาติปรากฏผลเป็นรูปธรรมและประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็ว ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกัน ในการเร่งรัดเตรียมความพร้อมและบูรณาการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนภารกิจในการกระจายและแจกจ่ายวัคซีน การลงทะเบียนรับวัคซีน การฉีดวัคซีนรวมทั้งการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อมุ่งลดจำนวนผู้ป่วยและให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศต่อไป โดยให้รายงานแผนการปฏิบัติงานและผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัด 5. การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในการกระทำอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ประสานการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดและเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติการกวดขัน สอดส่องและเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ประกาศจังหวัด ซึ่งมีผลทำให้เป็นแหล่งต้นตอของการเป็นพาหะของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) รวมถึงการเปิดให้มีการมั่วสุมลักลอบเล่นการพนัน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อปราบปรามต่อไป ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ประกาศนี้มีความผิดตามตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งหรือประกาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะได้มีการประเมินเป็นระยะ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป