เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงว่าศปก.ศบค.เห็นชอบปรับระดับพื้นที่ควบคุม โดยจะเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. พิจารณาเห็นชอบดังนี้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 4 จังหวัดคือกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ พื้นที่ควบคุมสูงสุด 17 จังหวัดคือ กาญจนบุรี ชลบุรีฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สมุทรสาคร สงขลาและสุราษฎร์ธานี และในส่วนของพื้นที่ควบคุมอีก 56 จังหวัด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โดยจะนำเสนอให้นายกฯ ได้พิจารณา ตามดำริของนายกฯ ที่ต้องการให้เปิดร้านอาหารเพื่อผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันว่า หากมีการผ่อนคลายมาตรการจะมีคนอยู่ 2 กลุ่มคือกลุ่มหนึ่งจะรู้สึกดีใจที่มีการผ่อนคลายและอีกกลุ่มคือมีความกังวลใจ นี่คือสิ่งที่คณะกรรมการศปก.ศบค.ต้องบริหารในทุกเรื่องทั้งในเชิงด้านยุทธศาสตร์ ด้านมาตรการ และบริหารด้านอารมณ์ด้วยเช่นกัน “หลายคนต้องรอปากท้องในเรื่องของการเปิดกิจการกิจกรรม การกินอาหารก็เป็นเรื่องปัจจัยสี่ของเรา ซึ่งนายกฯ เห็นชอบเรื่องการผ่อนคลายในเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อผ่อนคลายเป็นนโยบายแล้ว เรื่องการกำกับติดตามหรือเรื่องที่ทำให้ผลการผ่อนคลายเป็นไปตามที่ทุกคนมุ่งหวังก็ต้องดำเนินการไปให้ได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับร้านอาหารที่จะเปิดให้บริการ ต้องปฏิบัติตามมาตรการคือ 1.ลดที่นั่งเพื่อเว้นระยะห่าง 25 เปอร์เซ็นต์ 2.เร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร 3.การกำกับมาตรการให้เข้มข้นซึ่งได้มอบหมายให้กรมอนามัย ส่วนปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยกันดูหากพบว่าผิดครั้งแรกให้ตักเตือนและพบครั้งที่สองครั้งต่อไปให้ปิดร้านได้เลย 4.จะมีการประเมินระยะยาวหากเกิดเหตุที่จะมีการติดเชื้อขึ้นมาอีกจากการผ่อนคลายมาตรการนี้ก็สามารถที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมได้คือการปิดเหมือนเดิม นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่จะผ่อนคลายนั้นเร็วที่สุด อาจจะเป็นเที่ยงคืนวันนี้ แต่ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นคืนพรุ่งนี้ ทั้งนี้ต้องไปดูข้อกฎหมายต่างๆและไปดูรายละเอียดด้วย