วันที่ 14 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) ครั้งที่ 2/2564 มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาได้พิจารณาเห็นชอบผ่อนคลายในพื้นที่ที่มีศักยภาพได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี กรุงเทพฯ และ บุรีรัมย์ ให้เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนและมีใบรับรองการฉีดวัคซีน สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัวได้ตั้งแต่ที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไปเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่และในภาพรวมของประเทศ
โดย จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกรด โรจนเสถียร กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมสปาไทย ประธานโครงการ ได้เสนอโครงการ Hua Hin Recharge เป็นความร่วมมือของภาครัฐ การท่องเที่ยว โรงพยาบาลและสาธารณสุข และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ อาทิ โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจรถเช่า บริษัททัวร์ ฯลฯ ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกันสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงการขอความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้พื้นที่เทศบาลเมืองหัวหินเป็นพื้นที่ที่ได้รับการพิจารณาการจัดสรรวัคซีนอย่างเร่งด่วนสามารถให้การฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไปและครบถ้วนตามเป้าหมาย (70% ของประชากรในพื้นที่) ภายใน 30 ก.ย.64 เพื่อกำหนดพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหินเป็นพื้นที่นำร่องที่สามารถเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนให้สามารถเดินทางมาพักในพื้นที่ได้โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 64 เป็นต้นไป อันจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการจ้างงานทั้งในพื้นที่และภาพรวมของประเทศ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงหลักการพิจารณาของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า จ.ประจวบฯ เป็นแหล่งพักผ่อนที่สำคัญของทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และเชื่อมโยงกับ จ.เพชรบุรี และกรุงเทพฯ และปัจจัยหลักที่จะทำให้การดำเนินการตามแผนสำเร็จได้ คือ ประชาชนและบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในทุกพื้นที่จะต้องได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่า 70% ที่ประชุมจึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานเพื่อเตรียมพร้อมการกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นไปตามแผน พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบในการสนับสนุนและผลักดันให้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยให้ถือว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ต้องได้รับวัคซีนโดยเร็วในทุกจังหวัดเพื่อรองรับนโยบายเปิดประเทศ รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งหลังจากนี้จะนำข้อเสนอที่ผ่านการเห็นชอบแล้วเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อพิจารณาต่อไป
นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ กล่าวว่าหัวหินมีความพร้อมในการให้บริการวัคซีนแก่ประชาชน โดยมีกำลังหลักได้แก่ โรงพยาบาลหัวหิน โรงพยาบาลซานเปาโล และโรงพยาบาลกรุงเทพฯ-หัวหิน รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขอีกกว่า 400 คน ซึ่งมีความพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนให้บรรลุเป้าหมายแล้วเสร็จ นั่นคือจำนวน 70% ของประชากรในพื้นที่ และ 100% ของผู้ให้บริการในธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดการณ์ว่าหากเมืองหัวหินสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้โดยไม่ต้องกักตัวได้ ภายใน 1 ตุลาคมนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 100,000 คน สร้างรายได้แก่พื้นที่กว่า 1,200 ล้านบาท นับเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านค้า และธุรกิจในทุกภาคส่วน รวมถึง การจ้างงานพนักงานและแรงงานในภาคธุรกิจบริการเกือบ 100,000 คน.