เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ว่า สำหรับมาตรการการผ่อนคลายการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในการปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอหลักการต่อศปก.ศบค. ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค.ได้มอบหลักให้ผ่อนปรนกับผู้ประกอบการรายย่อยรวมถึงผู้ที่ค้าขายอาหาร เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมและให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน ฉะนั้นการปรับสีจะต้องเกิดขึ้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โดยกรรมการได้ตั้งหลักเกณฑ์ 5 ข้อ คือ 1.ลักษณะการระบาดในชุมชนโดยพิจารณาจากจำนวนและความต่อเนื่อง โดยแบ่งตามพื้นที่ดังนี้ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดมีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวันอย่างน้อย1 วันใน 1 สัปดาห์หรือเฉลี่ยใน1 สัปดาห์มากกว่า 50 รายต่อวัน พื้นที่ควบคุมสูงสุดมีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ 20 - 50 รายต่อวัน พื้นที่ควบคุม มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 20 รายต่อวัน พื้นที่เฝ้าระวังสูงมีผู้ป่วยเฉลี่ยใน1 สัปดาห์น้อยกว่า 10 รายต่อวัน พื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่ที่ไม่มีผู้ป่วยอย่างน้อย1 สัปดาห์ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า 2.จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่พบการระบาดต่อเนื่องและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ 3.จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย 4.จังหวัดที่ติดกับชายแดน หรือเคยมีผู้เดินทางเข้าในพื้นที่ติดเชื้อ และ5.สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่ ทั้งนี้อันนี้จะมีการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมในส่วนของ 3 พื้นที่คือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดร้านอาหารสามารถบริโภคในร้าน โดยนั่งได้ไม่เกิน 25% และเปิดให้นั่งในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น.สั่งกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น.พื้นที่ควบคุมสูงสุดบริโภคในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น.คุณพี่ควบคุมสามารถบริโภคในร้านได้ตามปกติทั้งนี้ทั้งสามพื้นที่ยังงดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน