เมื่อเวลา 09.50 น.ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม กระทรวงสาธารณสุขว่า วันนี้ตนเดินทางมาให้กำลังใจ และตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเราได้หารือกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจัดโรงพยาบาลที่มีลักษณะเช่นนี้ ซึ่งมีอยู่หลายระดับด้วยกันในการรับคนไข้โควิด-19 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ ซึ่งมีแนวปฏิบัติที่ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอย่างไรให้สามารถรับคนไข้ที่ยังไม่มีอาการ ที่มีอาการน้อย และที่มีอาการมาก เพื่อแบ่งเบาภาระจากโรงพยาบาลหลักของเรา วันนี้ต้องขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้มาช่วยกันทำที่นี่ ซึ่งต้องออกแรงกายทำถึง 7 วัน ถึงเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจ และต้องขอขอบคุณภาคเอกชนหลายบริษัทที่ได้บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนมากพอสมควร เพื่อใช้ในสถานที่แห่งนี้
นายกฯกล่าวว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 นั้น เรายังวางใจกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นอยากให้ใช้มาตรการทางสังคมที่ทุกๆคนช่วยกันดูแลไปด้วย ผู้นำชุมชนหรือประชาชนต่างๆ เราก็เข้าใจว่า มีคนหาเช้ากินค่ำส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนนี้ยังมีความเสี่ยงสูง ซึ่งท่านต้องมีมาตรการของตัวเองทั้งการใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่าง ซึ่งวันนี้อาจจะลำบากเยอะ แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ใช่รัฐบาลมีแต่เรื่องนี้อย่างเดียว แต่ต้องดูในเรื่องของด้านเศรษฐกิจ โดยช่วงบ่ายวันนี้ก็จะคุยกันอีกว่าจะดูแลกันได้อย่างไร เพราะทุกอย่างเป็นการทำโดยกลไกของรัฐภาครัฐ งบประมาณรัฐ ไม่สามารถที่จะทำเร็วได้มากนัก เพราะมีระเบียบมีกติกา มีกฎหมาย และอาจจะทำถูกใจทุกคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยส่วนใหญ่ก็คงจะพอใจในระดับหนึ่ง
“สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ผมก็คาดหวังว่า จะเกิดในเวลาที่ไม่นานนัก เพราะเราก็รู้ที่มา รู้สถานที่ รู้แหล่งกำเนิด และก็เข้าไปแก้ไขทุกจุด และสิ่งสำคัญก็คือเราจะร่วมมือกันอย่างไร นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อย่างไรให้เขาไม่หมดกำลังใจทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ก็ขอให้สร้างการรับรู้ที่ดีกับประชาชนด้วย”นายกฯกล่าว
นายกฯกล่าวว่า สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนตนยืนยันว่าเราจะต้องฉีดวัคซีนให้ครบให้ได้ในเวลาที่เรากำหนดไว้ ถ้าไม่มีปัญหาใดๆเรื่องวัคซีน ที่ได้รับอนุญาตนำเข้ามาแล้ว เพราะเป็นเรื่องของต้นทางด้วย แต่วันนี้ยังไม่มีที่ใดแจ้งมาก็ยังเป็นไปตามแผนอยู่ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนที่สำคัญที่สุด เราต้องเข้าหมอพร้อมก็อยากรณรงค์ให้ทุกคนเข้าให้เร็วที่สุด แต่เร็วที่สุดก็ไม่ใช่แย่งกันจนมันเข้าไม่ได้ ซึ่งก็ต้องแก้ไป หากเข้าไม่ได้พรุ่งนี้มะรืนค่อยเข้า ทั้งหมดไม่ได้มาทีละคนสองคน ลงทะเบียนหลายคนอยู่แล้ว ฉะนั้นก็อยู่ในกลุ่มที่ไม่ช้าเกินไปเกินไป ซึ่งเดิมเรากำหนดเฉพาะ กลุ่มหมอแพทย์ พยาบาล ด่านหน้า แต่วันนี้มีกลุ่มย่อยๆลงไปอีกเยอะแยะ ซึ่งจะจัดเวลาให้เหมาะสมกับการรับวัคซีนที่มาจากต่างประเทศ แต่เมื่อได้มาแล้วก็ไม่ใช่มาวันนี้ฉีดพรุ่งนี้ได้ ต้องตรวจสอบอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์สำหรับวัคซีนที่เข้ามาใหม่ซึ่งเดือนนี้ก็เข้ามาเพิ่มเติมได้อย่างที่เราต้องการ และจะเพิ่มปริมาณวัคซีนจากตรงนี้ไป ขอฝากทุกคนด้วยให้ช่วยกันไปฉีดวัคซีนไม่ต้องให้ใครเข้ามาเรียกหรอก ไม่ต้องให้ใครเขามาจ้าง ไม่ต้องให้ใครมาให้อะไร เพราะเพื่อตัวเราเอง เพื่อครอบครัวของเรา รัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการอย่างไรในส่วนของราชทัณฑ์ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก นายกฯกล่าวว่า เขาดูแลกันอยู่ตอนนี้ ก็เรียนไปแล้วว่ามันอยู่ในพื้นที่ควบคุมจำกัด ก็ได้มีการซิลพื้นที่แล้ว มีหน่วยงานเข้าไปดูแลส่วนหนึ่งแล้ว ก็มีมาตรการลงไป ก็คิดว่ามันต้องเกิดขึ้นได้แน่นอนเพราะเป็นพื้นที่ที่แออัด เผลอหน่อยไม่ได้เลย เพราะมีคนอยู่ที่ไม่ได้ออก มีคนเข้าคนออก รวมถึงเจ้าหน้าที่ มีการประสานกันอยู่แล้วในขณะนี้คือป่วยแล้วมีเตียง รักษาหายได้ มันก็แค่นั้น ถ้าเราเทียบต่างประเทศ วันๆเรายังมีจำนวนที่ติดเชื้อขึ้นน้อยกับเขามาก แต่ถึงจะน้อยตนก็ไม่มีความสุข เพราะอยากให้มันไม่มีเลย ก็ต้องร่วมมือกัน
เมื่อถามว่านักเรียนใกล้เปิดเทอมจะมีการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวถามกระทรวงสาธารณสุขเพราะเป็นเรื่องของวัคซีนพี่จะฉีดให้คนอายุไหนเป็นช่องทางทางการแพทย์ที่มีข้อกำหนดอยู่แล้วซึ่งข้างบนก็ยังมีปัญหาอยู่ ข้างล่างก็มีปัญหาตามมา ก็คิดสิ ก็ต้องแก้กันต่อ วัคซีนที่จะฉีดให้อายุต่ำกว่านี้วัคซีนอะไร ยอมรับกันหรือยังก็ต้องว่ากันมาตนขออนุญาตให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นคนตอบเป็นเรื่องของหมอไม่ฟังหมอแล้วจะฟังใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการตรวจเชิงรุกเรายังมีเพียงพอหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พอเครื่องไม้เครื่องมือก็หามาเรื่อยๆ พออยู่แล้วขณะนี้ แล้วก็จะเสริมมาอีก สำคัญให้มาตรวจก็แล้วกันให้มาฉีด ปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์กระทรวงสาธารณสุขจะได้ไปด้วยกันจะได้ไปด้วยกันหากรัฐทำแล้วคนไม่เข้าใจ ไม่ร่วมมือมันก็ไม่สำเร็จสักอย่าง