เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และการประชุมร่วมรัฐสภา หลังมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภา สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ปี 64 ว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ,พร้อมด้วยรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญผู้แทนคณะรัฐมนตรี ,ผู้แทนวิปรัฐบาล ,วิปฝ่ายค้าน และผู้แทนวุฒิสภา มาหารือถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมสภา ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนนี้ เนื่องจาก มีกฎหมายที่สำคัญที่คณะรัฐมนตรี ส่งให้สภาพิจารณา ได้แก่ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สภาผู้แทนราษฎร จะต้องรีบพิจารณาโดยเร็ว เนื่องจาก คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบประกาศใช้แล้ว และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ที่คณะรัฐมนตรี จะเสนอมายังสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน หรือภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ก่อนเสนอต่อไปยังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นภายใน 20 วัน หรือไม่เกิน 18 กันยายนนี้
เบื้องต้น นายชวน ได้กำหนดจะพิจารณาร่างพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ในวันที่ 27 พฤษภาคม ซึ่งหากไม่แล้วเสร็จ ก็จะพิจารณาต่อเนื่องในวันที่ 28 พ.ค. จากนั้นในวันที่ 31 พ.ค. จะเริ่มพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ในวาระแรก โดยจะใช้เวลา 3 วัน สิ้นสุดในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ซึ่งกำหนดเวลาดังกล่าว นายชวน จะเสนอให้ที่ประชุม 4 ฝ่าย ได้พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.)
นพ.สุกิจ ยังเปิดเผยด้วยว่า การประชุม 4 ฝ่ายในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) ประธานรัฐสภา จะสอบถามความเห็น และรับฟังข้อเสนอจากที่ประชุม ถึงมาตรการป้องกัน COVID-19 ที่จะต้องเข้มข้น และแจ้งไปยังแต่ละพรรคการเมือง ให้ ส.ส.ของพรรคเตรียมพร้อมการทำหน้าที่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในการประชุมสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณามาตรการทางสาธารณสุขภายในรัฐสภา ที่รุนแรงรัดกุมมากกว่าทุกครั้ง เข้มข้นมากกว่าเดิม เช่น ส.ส. และบุคลากร จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกัน COVID-19 ซึ่งหากใครยังไม่ได้รับวัคซีน ก็จะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อด้วยการสว็อบ เพราะหากเกิดการระบาดภายในรัฐสภา หรือภายในห้องประชุมสภา จะเกิดผลเสียหายต่อประเทศ รวมทั้งจะให้ที่ประชุม 4 ฝ่าย ได้พิจารณาจะให้ ส.ส. ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเข้าร่วมการประชุมหรือไม่อย่างไร หรือจะมีวิธีการอื่น ๆ เพื่อให้การประชุมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และการจำกัดพื้นที่ผู้ติดตาม ส.ส. เป็นต้น