ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
การธำรงชีวิตอยู่โดยลำพัง...แม้จะสัมผัสได้ถึงความเงียบเหงาแต่ก็กลับมีคุณค่าต่อการสร้างเสริมชีวิตให้ตื่นตระการ เพื่อจะมีชีวิตอยู่อย่างมีชีวิตชีวา..และเป็นความหมายในสังคมโลกยุคใหม่ที่เคว้งคว้างสับสนและไร้ตัวตน...เช่นวันนี้..วิถีแห่งการก้าวไปข้างหน้า จึงถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อสานสอดและเยียวยาชีวิตต่อชีวิตให้มีรายละเอียดของความเข้าใจและก่อเป็นพลังหัวใจแห่งความเป็นชีวิตและจิตวิญญาณได้มากขึ้น...นั่นคือวิถีปฏิบัติอันดื่มด่ำสุดหยั่งคิด
“...จงดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาแห่งการอยู่คนเดียว...และอิ่มอกอิ่มใจอย่างลึกซึ้งเมื่อได้ลงทุนกับจิตวิญญาณตัวเอง” ฮนจก (HONJOK) ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง...ปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก...เขียนโดย “ฟรานซี่ ฮีลลีย์ และ คริสตัล ทาอี/และแปลเป็นภาษาไทยอย่างลึกซึ้งโดย “เขมลักขณ์ ดีประวัติ” คือความหมายแห่งใจในโครงสร้างของการหยั่งเห็นอันเปิดกว้าง.. จากภายในสู่ภายนอก จากภายนอกสู่ภายใน นบน้อมแต่ทรงพลังต่อการใช้ชีวิตในการธำรงชีวิตอยู่ “วิถีของฮนจก ทำให้เราปฏิวัติระบบความเชื่อที่ตีกรอบว่า เราควรเป็นคนแบบไหนแทนที่จะเป็นตัวตนแท้จริง ทั้งยังเชิญชวนให้เราค้นหาสิ่งที่มีความหมายกับตนเอง หรือสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดในชีวิต เพื่อจะได้แบ่งเวลามาอยู่กับตัวเองมากที่สุดเท่าที่ต้องการ”
นั่นหมายถึงว่า คนเราจักต้องหาสิ่งที่ใช่สำหรับตน ว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวหรือไม่ก็ตาม การอยู่คนเดียว ไม่ใช่หนทางเดียวที่จะได้ประสบการณ์การอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์ เราสามารถค้นพบความหมายของการอยู่คนเดียวอย่างแท้จริงแม้จะอยู่กับคนอื่น...ดั่งนี้การเป็นผู้..เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตนเองนั้นจึงมีพลังมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องปฏิเสธมุมมองหรือความคิดเห็นของผู้อื่นเสียสิ้น แต่มันหมายถึงการรู้จักตนเองและเปล่งความจริงออกไป แม้จะไม่ตรงกับความเห็นส่วนใหญ่ก็ตาม บางครั้งเราก็ยินยอมทำตามสิ่งที่คนอื่นคาดหวังอย่างง่ายดาย แต่จงจำไว้ว่า แม้สิ่งนี้ได้ผลกับคนอื่น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องได้ผลกับเราเสมอไป...และแม้การทำตามสิ่งที่สังคมคิดว่า “ควรทำ” จะเป็นเรื่องสำคัญ การตระหนักและยอมรับตัวตนแท้จริงของตัวเองนั้นสำคัญกว่าเมื่อเรามอบอำนาจ ตนเองให้กับความคาดหวังของสังคมว่า..เราควรเป็นอย่างไร เท่ากับว่าเรามอบอำนาจให้กับวิธีการนำเสนอตนเองต่อสังคมด้วย...
ลองนึกถึงวิธีที่คนเรานำเสนอชีวิตของตน ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เราเห็นภาพที่ปรับแต่งมาอย่างสวยงามของครอบครัวที่ยิ้มแย้ม และภาพวันหยุดพักผ่อนอันแสนงดงาม เราสร้างเรื่องราวว่าตนเองคือใคร ผ่านรูปภาพที่โพสต์ การอยู่ในมายาของสัมพันธภาพเหล่านั้น ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย และแยกตัวออกจากความจริง แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรามุ่งความสนใจไปที่สัมพันธภาพอันลึกซึ้ง ที่ผู้คนมองเห็นเราและได้ยินเราจริงๆ ผู้คนที่เรารู้สึกเชื่อมโยงผูกพันมากกว่า..
“ใช่ว่าความสัมพันธ์ทั้งหมด จะถูกสร้างขึ้นมาเท่ากัน บางความสัมพันธ์สนับสนุน หล่อเลี้ยง และให้กำลังใจ ช่วยให้คุณเติบโต ก้าวหน้า แต่บางความสัมพันธ์ก็บั่นทอน สร้างความเครียด ทำให้เรา ไร้ความรู้สึก และหมดกำลังใจ โดยความสัมพันธ์ประเภทหลังนี้ อาจเป็นสาเหตุของความเครียด และความสับสนท้อแท้อย่างมาก จนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันผู้คนไปสู่วิถีฮนจก”
จริงๆแล้ว..เราทุกคนควรที่จะสร้างกิจวัตรในการดูแลตัวเอง..ในช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว เช่นการดื่มชาสักถ้วย หรือนั่งที่ไหนสักแห่งเป็นประจำ กิจวัตรเหล่านั้นจะกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย ลองจัดการตารางเวลาดูแลตนเองเหมือนทำบันทึกนัดหมายบนปฏิทิน ราวกับว่าคุณมีนัดกับตัวเอง ซึ่งสำคัญพอๆกับการนัดหมายอื่นหรือมากกว่าด้วยซ้ำ..ลองแทรกการดูแลตนเองเป็นช่วงต่างๆ ทั้งระหว่างทำงานกับตอนอยู่บ้าน หรือกำหนดให้การดูแลตัวเองเป็นกิจวัตรมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ทำจนเป็นนิสัยง่ายขึ้นเท่านั้น และกลายเป็นนิสัยที่ยั่งยืนในที่สุด
“ลองฟังแล้วถามตัวเองดูสิว่า..”วันนี้ฉันต้องการอะไร?” จงหล่อเลี้ยงตนเองแทนที่จะเฉยชา และทำให้กิจวัตรการดูแลตัวเองกลายเป็นนิสัย..ลองหามุมเงียบๆ ที่เอื้อต่อการฟังอย่างมีสมาธิ มีอุปกรณ์ หรือสิ่งของอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการดูแลตัวเองและช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว...”
อย่างไรก็ตาม..ได้มีข้อสังเกตว่า.ผู้คนนิยมเดินทางคนเดียวมากขึ้น ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเดินทางคนเดียวเปิดโอกาสให้เราไปในที่ที่อยากไป โดยจะไปตอนไหนหรือทำอะไรก็ได้ สำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตแบบฮนจก การเดินทางคนเดียว คือคำนิยามของอิสรภาพที่มาจากการอยู่เป็นโสด ..เมื่อเดินทางคนเดียว คุณจะเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ เฉพาะเวลาที่ต้องการ หรืออ่านหนังสือ ได้เต็มที่โดยไม่มีใครบ่นว่าคุณว่ามัวแต่จดจ่อกับโลกของตนเอง การเดินทางคนเดียวจึงเป็นการให้อิสระกับตัวเองอย่างหนึ่ง
“การเดินทางคนเดียวเปิดโอกาสให้คุณพิจารณาว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อสังเกตเห็นสิ่งที่ให้ความสุขระหว่างการเดินทาง อาจเป็นเรื่องที่คุณหาทางเที่ยวรอบเมืองใหม่ด้วยตัวเองสำเร็จ ได้สนทนากับคนที่พบในโรงแรมท้องถิ่นเล็กๆ ได้ชมศิลปะริมถนน หรือนั่งเล่นกลางลานที่มีผู้คนจอแจ พร้อมฟังเสียงคนพูดภาษาต่างประเทศ คุณอาจมีความสุข กับการนึกถึงประสบการณ์ต่างๆ และบันทึกเรื่องราวความสำเร็จในวันนั้นเงียบๆคนเดียว...และนี่คือการแสวงหาการผจญภัยที่น่าเผชิญ”
ว่ากันว่า...เราต่างมีมุมมองต่อคำว่า “การอยู่คนเดียว” แตกต่างกัน บางคนมองว่า “การอยู่คนเดียว” นั้นมีความหมายเท่ากับ”ความเดียวดาย”แต่บางคนกลับมองเห็นความสงบจากการมีพื้นที่และเวลาที่ได้อยู่ตามลำพัง โดยมองว่า การอยู่คนเดียวนั้น เป็นประสบการณ์ที่มีความสุข มีอิสระมากขึ้น และ มีข้อจำกัดน้อยลง..ทั้งนี้ไม่ว่าเราจะรู้สึกสบายใจหรืออึดอัดใจกับความสันโดษ การอยู่คนเดียวนั้น เป็นเรื่องของสภาวะจิตใจ บางคนชอบอยู่ตามลำพัง พวกเขารักและเห็นคุณค่า ของการมีเวลาและพื้นที่เป็นของตนเอง แต่หลายคนก็มีปัญหากับการอยู่คนเดียว พวกเขาต้องการ ความรู้สึกอบอุ่นใจจากการมีผู้อื่นด้วย
“บางคนมองว่า..การอยู่คนเดียวเป็นโอกาสได้หยุดคิด และผ่อนคลายจากแรงกดดันมหาศาลในชีวิตประจำวัน แต่บางคนกลับมองว่า คนที่อยู่คนเดียวนั้นไม่มีค่า ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย ความเงียบจากการอยู่คนเดียวนั้น...ย่อมน่ากลัวกว่าความน่าปรารถนา...กุญแจสำคัญจึงอยู่ตรงที่ “การอยู่ลำพังหรืออยู่คนเดียวนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือก แต่ความเหงาไม่ใช่”
นั่นเพราะ..ความเหงาคือรูกลวงเปล่าที่จะเติมเต็มได้ด้วยสัมพันธภาพเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสัมพันธภาพกับผู้อื่นหรือกับตนเอง แต่การอยู่คนเดียวนั้นตรงกันข้ามอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่เราโหยหาท่ามกลางโลกอันอึกทึกวุ่นวาย ..การอยู่คนเดียวจึงอาจมีสิ่งประโลมใจอยู่บ้าง แต่ความเหงานั้นโดยรวมเป็นประสบการณ์ที่เน้นความเจ็บปวด ..น่าขันที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้เราเติมเต็มความต้องการต่างๆ ได้โดยแทบจะไม่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเลย แต่สิ่งที่ดูจะขัดแย้งกันก็คือ ...เรามีศักยภาพที่จะเชื่อมโยงกับเครือข่ายสังคมระดับกว้างขึ้น แต่กลับมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันน้อยลง และยิ่งเหงามากขึ้น แม้ว่าจะมีการเชื่อมโยงกับสังคมในโลกเสมือนจริงมากกว่าเดิม
“ความเหงาคือการขาดแคลนตัวตน ส่วนความสันโดษ คือการมีตัวตนอย่างเต็มเปี่ยม” การใช้ชีวิตแบบฮนจก...ในวิถีแห่งการอยู่คนเดียวต้องอาศัยความกล้า ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ค้นพบตัวเองในภาวะที่เป็นอิสระจากอิทธิพลความคิดและอัตลักษณ์ที่สังคมรอบข้างกำหนด อีกทั้งยังเป็นการสร้างพลังให้ตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะสิ่งล่อใจต่างๆ จะคอยขัดขวางเราจากการสำรวจตัวเอง เมื่อเปิดใจอยู่คนเดียว และยอมรับสิ่งที่ค้นพบ ก็จะเจอคำตอบเองว่า..เราจะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไร?
เหตุนี้..เราจึงจำเป็นต้องเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้..วิถีฮนจกทำให้เราปฏิวัติระบบความเชื่อ ที่ตีกรอบว่าเราควรเป็นคนแบบไหน แทนที่จะเป็นตัวตนแท้จริง ทั้งยังเชิญชวนให้เราค้นหาสิ่งที่มีความหมายกับตนเอง หรือสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพื่อจะได้แบ่งเวลามาอยู่กับตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เราต้องการ...
“จงหาสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ ไม่ว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวหรือไม่ก็ตาม การอยู่คนเดียวไม่ใช่หนทางเดียวที่จะได้ประสบการณ์การอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์ คุณสามารถค้นพบความหมายของการอยู่คนเดียวอย่างแท้จริง แม้จะอยู่กับคนอื่น..”
“ฮนจก”(HONJOK)...เป็นคำสแลงของชาวเกาหลีใต้ ซึ่งถือกำเนิดในยุคแห่งความกดดัน สับสน และสิ้นหวัง กับสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และเน้นถึงการไขว่คว้า “ความฝันของชาวเกาหลี” อันสมบูรณแบบ แต่ชาว “ฮนจก” จะมีความสุขที่ได้เลือกวิถีชีวิตของตนเอง และใช้ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวเพื่อครุ่นคิดถึงคุณค่า และค้นพบความต้องการที่แท้จริง
“ชาวฮนจก” คือกลุ่มคนผู้ปฏิเสธค่านิยมทางสังคม ที่ให้คุณค่ากับปรารถนาของชุมชนมากกว่าปัจเจกบุคคล ต่อต้านแรงกดดันให้ต้องสร้างครอบครัว หลายคนถึงกับเลือกที่จะไม่แต่งงาน และเลือกที่จะใช้ชีวิตลำพังในแบบที่ตนต้องการ
ฟรานซี่ ฮีลลีย์ และคริสตัล ทาอี..ได้เขียนถึงนัยแห่งการพิจารณาถึงความงาม ของการอยู่คนเดียว และ ความรู้สึกอิ่มใจอย่างลึกซึ้งจากการลงทุนกับจิตวิญญาณของตัวเอง ทั้งจะนำผู้อ่านทุกคนไปสู่เส้นทางของการสะท้อนตัวตน(Self-reflection) ด้วยการตั้งคำถาม และ ข้อสังเกต เกี่ยวกับ คุณค่าของสังคมที่อาจไม่ใช่ความปรารถนาที่แท้จริง อีกทั้งยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวตน ความปรารถนา และความต้องการที่แท้จริง ไปกับการศึกษาถึงแนวคิด เรื่องความสันโดษ คุณค่าของตนเอง และอิสรภาพ ในการใช้ชีวิตจากภายในสู่ภายนอก..ดังที่ได้กล่าวถึงมาทั้งหมด..
นี่คือ..คุณค่าทางปัญญาญาณของหนังสือแห่งยุคสมัยเล่มหนึ่ง ที่ทั้งถอดรื้อและปลูกสร้างวิถีของชีวิต ให้สอดรับกับเงื่อนงำของกาลเวลา..เป็นหนังสือแห่งการค้นพบ รูปรอยอันเป็นดั่งของขวัญของการเป็นส่วนหนึ่งแห่งตน..ที่นำไปสู่ความสุขสงบมากขึ้น..ขณะเมื่อมวลมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ได้มีโอกาสสัมผัสความสมบูรณ์ของตัวตน อย่างแท้จริง...
“จงลงทุนกับคุณค่าของความเป็นอยู่ นั่นคือสิ่งที่ความสุขสงบหยิบยื่นให้..จงยกให้ความสันโดษ เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ไม่ใช่การปรนเปรอตนเอง ..ค้นหากิจกรรมที่สร้างความสุข สิ่งที่ทำให้เรารู้สึก เป็นอิสระ..ที่ได้เป็นตัวเอง และทำให้ผู้อื่นมองเรา..ในแบบที่เป็นเราจริงๆ”