คลัสเตอร์ตลาดพลอย จันทบุรี ติดเชื้อแล้ว 139 ราย ยังไม่พบกลายพันธุ์ เร่งตรวจเชิงรุกพื้นที่เชื่อมโยง ด้าน "จุฬาราชมนตรี" ออกประกาศขอความร่วมมือ 6 จังหวัดแดงเข้ม งดรวมกลุ่มละหมาดที่มัสยิด
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 พ.ค. 64 ที่รัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า กรณีการพบคลัสเตอร์ใหม่จากตลาดค้าพลอยที่จังหวัดจันทบุรี และเชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ มีการรายงานผู้ติดเชื้อรายแรกของกลุ่ม (Index case) เป็นผู้หญิงชาวกินีซึ่งมีอายุ 21 ปี ได้เข้าไปฝากครรภ์ ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ใช้ชีวิตเป็นปกติ ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยเหตุผลฝากครรภ์ จากนั้นก็มีการตรวจโควิด-19 เพื่อเตรียมผ่าคลอด ซึ่งวันที่ 2 พ.ค. ผลตรวจเป็นบวก จากนั้นจึงสอบสวนบุคคลใกล้ชิด ได้แก่สามี อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นชาวกินีเช่นกัน วันที่ 4 พ.ค. ผลตรวจเป็นบวกเช่นกัน จากการสอบ ประวัติพบว่าสามีมีการอาชีพขายพลอยมีการเดินทางเข้ามาค้าขายภายในย่านบางรัก กรุงเทพฯ และมีการเข้าร่วมประกอบกิจกรรมทางศาสนา คือมีการละหมาด 5 เวลา หมายความว่ามีการรวมกลุ่มพบกันในสถานที่สาธารณะที่มีคนรวมกลุ่มกันค่อนข้างหนาแน่น ซึ่งจาก 2 เคสแรกนี้ ทำให้มีการสอบสวนพบว่ามีผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำที่ต้องระดมมาตรวจคัดกรองเชิงรุก ในระหว่างวันที่ 5 - 9 พ.ค. จำนวน 992 ราย พบติดเชื้อ 139 ราย คิดเป็น 13.81 เปอร์เซ็นต์
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ด้วยความที่ประชาชนเหล่านี้มีเชื้อชาติแอฟริกันมีทั้งชาวกินี และแอฟริกันสัญชาติอื่น ต้องเน้นย้ำว่าเขามีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เป็นกลุ่มที่เดินทางไปมาจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ได้มีการตรวจสายพันธุ์ของเชื้อโควิคด้วย แต่ยังไม่พบสายพันธุ์กลายพันธุ์แอฟริกาใต้ เบื้องต้น มีการประกาศปิดตลาดค้าพลอยจันทบุรีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 7-20 พ.ค.64 ส่วนตลาดค้าพลอยบางรัก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสำนักงานเขต กำลังเร่งตรวจเชิงรุก พร้อมประกาศให้กลุ่มเสี่ยงที่เคยไปสถานที่เหล่านี้ คือ ตลาดค้าพลอยจันทบุรี ตลาดค้าพลอยบางรัก และไปปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิด ให้กักตัวสังเกตอาการตัวเอง และตรวจหาเชื้อ
ซึ่งทางจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศขอความร่วมมืองดการรวมกลุ่มประกอบศาสนกิจการละหมาดที่มัสยิด ในพื้นควบคุมสูงสุดสีแดงเข้ม 6 จังหวัด ขอให้เป็นการละหมาดที่บ้าน เพื่อลดการรวมกลุ่มกัน ป้องกันการติดเชื้อจากการปฏิบัติศาสนกิจ