เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ขณะที่ ร.ต.อ.วิทยา ศิริเทพ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี มีพลเมืองดีแจ้งว่า พบชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เดินเข้ามาไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อและกางเกงเดินออกมาจากห้องน้ำหลังสำนักงานไปรษณีย์อุดรธานี ถนนวัฒนานุวงศ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังไปตรวจสอบ โดยมีนายปราโมทย์ ธัญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาอุดรธานี และเจ้าหน้าที่ พมจ.อุดรธานี รุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบชายทราบชื่อคือนายสมชาย ชมเชย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 220 หมู่ 3 ต.หินกอง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ศีรษะโล้น สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้นสีขาว เดินสะพายกระเป๋าผ้าสีดำออกมาจากห้องน้ำ เมื่อพบเจ้าหน้าที่ได้แสดงท่าทีตกใจ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจกระเป๋า พบเครื่องแบบพระ สบง จีวร อังสะ รัดประคต เงินสด 600 บาท อยู่ในกระเป๋า จึงควบคุมตัวไปที่วัดมัฌชิมาวาส ทำการสอบสวน แต่นายสมชายไม่มีหลักฐาน ใบสุทธิมายืนยันว่าอุปสมบทพระภิกษุจริง หรือสังกัดวัดไหน ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เคยเป็นข่าวพระแปลงร่างในห้องน้ำไปรษณีย์ ที่มีการนำเสนอตามสื่อต่างๆ
นายสมชาย ให้การรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า ตนเป็นโสด เคยเป็นกุ๊กร้านอาหารในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ไวรัสโควิดระบาด ร้านอาหารที่ตนทำงานเลิกจ้าง เพราะไม่ให้นั่งกินที่ร้าน จึงลดคนงาน ทำให้ตนตกงาน จึงเดินทางกลับบ้านที่ร้อยเอ็ด แต่ไม่มีใครที่บ้าน และเงินใช้จ่ายจึงคิดปลอมเป็นพระภิกษุ อย่างน้อยก็มีข้าวกิน ขึ้นรถโดยสารเสียครึ่งราคา แล้วก็ได้ปัจจัย จึงโกนหัวแล้วไปซื้อเครื่องแบบพระภิกษุในร้านใส่กระเป๋า ก่อนเดินทางมาพักอาศัยอยู่บ้านเพื่อนในซอยอดุลยเดช 7 ถนนอดุลยเดช เขตเทศบาลนครอุดรธานี นอนที่สถานีรถไฟ ตื่นเช้าก็จะเดินมาแปลงร่างเป็นพระภิกษุตามห้องน้ำสำนักงานไปรษณีย์ ออกเดินไปตามตลาดและชุมชน เมื่อชาวบ้านมาพบก็จะถวายอาหาร ปัจจัย เสร็จแล้วก็กลับมาแปลงร่างที่เดิม อยู่ที่ จ.อุดรธานี ประมาณ 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ก็จะกลับบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยทำแบบนี้มาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว โดยไม่ได้คิดว่าจะมีคนสังเกตและแจ้งตำรวจ
โดยทางนายปราโมทย์ ธัญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวมาโรงพัก ถ่ายรูปทำประวัติ ว่ากล่าวตักเตือนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ยึดเครื่องแบบพระ หากยังกลับมาทำพฤติกรรมแปลงร่างเป็นพระอีก สำนักพุทธศาสนาอุดรธานี จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งนายสมชาย ก็ได้รับปากว่าจะกลับไปวัดที่บ้านเกิดและจะไปบวชเป็นพระภิกษุให้ถูกต้อง เพราะหมดหนทางทำมาหากินแล้ว ตำรวจจึงปล่อยตัวไป.




