เมื่อวันที่ 11 พ.ค.เวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงการเฝ้าระวังสูงสุดของเชื้อกลายพันธุ์ของอินเดียและการเดินทางกลีบของข้าราชการสถานทูตไทยในอินเดียติดโควิด 3 คนได้มีการตรวจสอบและควบควบคุมหรือไม่ว่า ทางศบค.ให้ความสำคัญ และให้มอนิเตอร์สายพันธุ์อินเดีย มีการตรวจเป็นระยะ ๆ โดยมีการตรวจด้วยระบบจีโน่ ใช้แลปขั้นสูงสุด เป็นการร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลศิริราช ตรวจและ Monitor ให้ดู ตนได้รับฟังมาหลายรอบ และมีความกังวล มีการเข้าไปตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่ม ส่วนข้าราชการสถานทูตไทยเดินทางกลับมาก็เป็นสิทธิที่จะกลับมา และเราก็จะต้องดูแล ส่วนจะเป็นสายพันธุ์อะไรก็จะต้องมีการตรวจต่อ การเข้ามาในช่องทางที่ถูกต้องเราก็ยังรู้และสามารถดูแลได้ แต่สิ่งที่เราไม่ทราบคือหลบหนีเข้ามาช่องทางธรรมชาติ ซึ่งล่าสุดพบว่สเข้ามาที่จ.กาญจนบุรีจับได้หลาย 10 คน ตรงนี้น่าห่วงและกังวลที่เข้ามาช่องทางนี้
ส่วนการฉีดวัคซีนจะมีการขยายให้ครอบคลุมทุกคนอย่างแน่นอน ส่วนตอนนี้จะขยายให้ผู้สูงอายุ และ 7 โรคกลุ่มเสี่ยงต้อ
ส่วนการส่งมอบวัคซีน astrazeneca จะมีการผลิตเป็นไปตามแผน และการตรวจสอบคุณภาพ เป็นไปตามแผนด้วยดี แต่วันเวลาที่จะมีการฉีดเร็วหรือล่าช้ากว่าแผน ยังไม่มีข้อสรุป แต่ทุกภาคส่วน ผู้บริหารของสาธารณสุข และสยามไบโอไซน์ จะเร่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพราะเมื่อผลิตเสร็จจะต้องผ่านการตรวจสอบของอย. ตามมาตรฐานระดับโลกขั้นสูงสุด เพื่อประชาชนพวกเรา การได้มาซึ่งเกิดขึ้นจากการตั้งใจแต่ละขั้นตอน รวมถึงมาตรการของการฉีด เพราะเราดูแลอย่างดีทั้งก่อนฉีดหลังฉีด