มอบตัวแล้ว มือปืนเหตุทะเลาะเดือดซื้อม่านผิด จนเป็นเหตุรุนแรง หลังทนแรงกดดันจากตำรวจไม่ไหว สารภาพ โดนฟันรถก่อนหลายครั้งจึงจะหยิบปืนมาขู่ แต่ปืนเกิดลั่นไม่ได้ตั้งใจยิง ด้านตำรวจแจ้งอ่วมหลายข้อหา
ล่าสุดวันนี้ 11 พ.ค.เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุร้านรุ่งมณีทรัพย์ ผ้าม่าน เลขที่ 74 / 29 หมู่ 1 ต.หนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้พบกับนายประพนธ์ สินทักทรัพย์ อายุ 49 ปี ชายแท้ๆของผู้ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่าปกติน้องชายตนเป็นคนเงียบขรึมไม่เคยหาเรื่องใครก่อนแต่ครั้งนี้คงถูกหาเรื่องจนทนไม่ไหวจึงทำให้โมโหเพราะน้องชายตนถ้าโมโหแล้วจะห้ามยากตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้วตนก็รู้จักน้องชายตนดีไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก่อนแน่นอนส่วนตอนนี้น้องชายตนยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพนัสนิคม จ.ชลบุรี ในห้อง ICU เพื่อรอผ่าตัดทางญาติก็เปลี่ยนกันไปดูอาการอยู่เรื่อยๆ
ต่อมาที่ สภ.พานทอง พ.ต.ท.ทรงพล วันทาวงษ์ รอง ผกก.(สอบสวน)ได้นำตัวผู้ก่อเหตุคือนายนายประจวบ ชาญเกษม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233/1 หมู่ 3 ต.บ้านสวน จ.ชลบุรี ผู้ก่อเหตุมาสอบสวนพร้อมรถยนต์ ฟอจูนเนอร์ สีบอร์นเงิน ทะเบียน ซฐ 8797 กทม.สภาพกระจกข้างฝั่งคนขับมีรอยรูลูกกรสุนปืน 1 รูขนาด 11 มม.ที่ขับประตูรถมีรอยถูกมีดฟันเสียหาย
จากการสอบถามนายประจวบ ผู้ก่อเหตุเล่าว่าตนได้ไปซื้อผ้าม่านที่ร้านเป็นม่านประตูแต่พอเห็นม่านตนก็บอกว่าที่บ้านไม่มีสว่านเจาะรูขอเปลี่ยนเป็นแบบลวดแขวนทางร้านก็บอกไม่มีจึงได้ขอคืนเงินแต่เจ้าของร้านบอกคืนไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้แกะของและยังไม่ได้ออกจากร้านหลังจากนั้นนายประพจน์ สินทักทรัพย์ ที่เป็นเจ้าของร้านได้เข้ามาด่าทอตนด้วยวาจาหยาบคายตนจึงด่ากลับจึงทำให้ชกต่อยกันจากนั้นนายประพจน์ได้ถือมีดดาบมาไล่ฟันตนตนจึงได้หนีขึ้นรถแต่นายประพจน์ก็ยังไม่หยุดใช้มีดฟันที่รถตนหลายทีจนพังตนก็ตะโกนบอกว่าอย่าฟันแต่ก็ไม่ได้ผลหลังจากนั้นตนจึงได้ไปคว้าเอากระเป๋าที่มีปืนอยู่เบาะหลังเพื่อจะหยิบปืนมาเพื่อขู่ว่าอย่าฟันตนมีปืนทันไดนั้นหลังจากที่กำลังหยิบปืนออกมาทำให้ปืนลั่นออกไป 1 นัดโดนนายประพจน์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจยิงเพราะจะเอามาขู่อย่างเดียว
ด้าน พ.ต.ท.ทรงพล วันทาวงษ์ รอง ผกก.(สอบสวน)จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้อต้นปืนเป็นของนายประจวบซึ่งมีทะเบียนแต่ก็ได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ บ้าน เมือง หรือชุมชนโดยไม่ได้รับอณุญาติ นำพาอาวุธปืนไปโดยไม่มีเหตุอันควรหรือจำเป็น จะสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมหากพบมีความผิดอื่นเพิ่มก็จะแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลังเพิ่มเติมและส่งฟ้องศาลดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดวันนี้ 11 พ.ค.เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุร้านรุ่งมณีทรัพย์ ผ้าม่าน เลขที่ 74 / 29 หมู่ 1 ต.หนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้พบกับนายประพนธ์ สินทักทรัพย์ อายุ 49 ปี ชายแท้ๆของผู้ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่าปกติน้องชายตนเป็นคนเงียบขรึมไม่เคยหาเรื่องใครก่อนแต่ครั้งนี้คงถูกหาเรื่องจนทนไม่ไหวจึงทำให้โมโหเพราะน้องชายตนถ้าโมโหแล้วจะห้ามยากตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้วตนก็รู้จักน้องชายตนดีไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก่อนแน่นอนส่วนตอนนี้น้องชายตนยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพนัสนิคม จ.ชลบุรี ในห้อง ICU เพื่อรอผ่าตัดทางญาติก็เปลี่ยนกันไปดูอาการอยู่เรื่อยๆ
ต่อมาที่ สภ.พานทอง พ.ต.ท.ทรงพล วันทาวงษ์ รอง ผกก.(สอบสวน)ได้นำตัวผู้ก่อเหตุคือนายนายประจวบ ชาญเกษม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233/1 หมู่ 3 ต.บ้านสวน จ.ชลบุรี ผู้ก่อเหตุมาสอบสวนพร้อมรถยนต์ ฟอจูนเนอร์ สีบอร์นเงิน ทะเบียน ซฐ 8797 กทม.สภาพกระจกข้างฝั่งคนขับมีรอยรูลูกกรสุนปืน 1 รูขนาด 11 มม.ที่ขับประตูรถมีรอยถูกมีดฟันเสียหาย
จากการสอบถามนายประจวบ ผู้ก่อเหตุเล่าว่าตนได้ไปซื้อผ้าม่านที่ร้านเป็นม่านประตูแต่พอเห็นม่านตนก็บอกว่าที่บ้านไม่มีสว่านเจาะรูขอเปลี่ยนเป็นแบบลวดแขวนทางร้านก็บอกไม่มีจึงได้ขอคืนเงินแต่เจ้าของร้านบอกคืนไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้แกะของและยังไม่ได้ออกจากร้านหลังจากนั้นนายประพจน์ สินทักทรัพย์ ที่เป็นเจ้าของร้านได้เข้ามาด่าทอตนด้วยวาจาหยาบคายตนจึงด่ากลับจึงทำให้ชกต่อยกันจากนั้นนายประพจน์ได้ถือมีดดาบมาไล่ฟันตนตนจึงได้หนีขึ้นรถแต่นายประพจน์ก็ยังไม่หยุดใช้มีดฟันที่รถตนหลายทีจนพังตนก็ตะโกนบอกว่าอย่าฟันแต่ก็ไม่ได้ผลหลังจากนั้นตนจึงได้ไปคว้าเอากระเป๋าที่มีปืนอยู่เบาะหลังเพื่อจะหยิบปืนมาเพื่อขู่ว่าอย่าฟันตนมีปืนทันไดนั้นหลังจากที่กำลังหยิบปืนออกมาทำให้ปืนลั่นออกไป 1 นัดโดนนายประพจน์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจยิงเพราะจะเอามาขู่อย่างเดียว
ด้าน พ.ต.ท.ทรงพล วันทาวงษ์ รอง ผกก.(สอบสวน)จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้อต้นปืนเป็นของนายประจวบซึ่งมีทะเบียนแต่ก็ได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ บ้าน เมือง หรือชุมชนโดยไม่ได้รับอณุญาติ นำพาอาวุธปืนไปโดยไม่มีเหตุอันควรหรือจำเป็น จะสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมหากพบมีความผิดอื่นเพิ่มก็จะแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลังเพิ่มเติมและส่งฟ้องศาลดำเนินการตามกฎหมายต่อไป