ชาวบ้านสุดทนร้องมีบ้านเลี้ยงแมวเกือบ 200 ตัว กลางชุมชนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทุกวันเจ้าจองบ้านไม่อยู่ให้คนอื่นมาดูแลแทน วอนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาดูแลหรือให้ย้ายออกไป เพราะคนที่อยู่ใกล้ได้รับผลกระทบระบบทางเดินหายใจ
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.64 ที่หมู่บ้านไพฑูรย์ ซอยงามวงศ์วาน 59 แยก3-7 ใกล้วัดเทวสุนทร ย่านงามวงศ์วาน ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า มีบ้านหลังหนึ่งเลี้ยงแมวเกือบ 200 ตัว ส่งกลิ่นเหม็นและเสียงดังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นสาบและมูลของแมวส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณด้านหน้าบ้านดังกล่าว มีการปิดประตูอย่างหนาแน่นและเป็นบ้าน 2 ชั้น ขนาดใหญ่ปลูกอยู่ในเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด แต่ไม่มีผู้อาศัยอยู่แต่อย่างใด เมื่อสำรวจพบว่าหลังบ้านพบว่า บ้านหลังดังกล่าว มีเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปยังสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ขึ้นปกคลุม
นายบุญยง มะลิซ้อน อายุ 45 ปี ที่มีบ้านติดกับด้านหลังบ้านหลังดังกล่าวเปิดเผยว่า ชาวบ้านในละแวกนี้ได้รับความเดือดร้อนมากว่า 2 ปี โดยเฉพาะกลิ่นสาบและกลิ่นมูลแมวมีกลิ่นเหม็นอย่างมาก ทำให้มีปัญหากระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โดยบ้านหลังดังกล่าวนี้ไม่มีคนอาศัย มีเฉพาะแมวอยู่เกือบ 200 ตัวที่เลี้ยงไว้ โดยเจ้าของบ้านจะไปๆ มาๆ เพื่อมาให้อาหารแมวแล้วก็กลับ ที่ผ่านมาชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานเขตจตุจักร มีการพูดคุยกับเจ้าของแมวและทางสำนักงานเขตฯ มีคำสั่งให้ย้ายแมวไปหาสถานที่เลี้ยงใหม่ เพราะสถานที่แบบนี้ไม่ใช่ที่เลี้ยงสัตว์ แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด
"วันไหนมีกลิ่นมากจะไม่สามารถเดินในซอยได้เลย ปกติก่อนหน้านั้นใต้ร่มไม้ในซอย สามารถนั่งหลบร้อนได้ แต่เดียวนี้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะวันไหนฝนตกเหม็นจนปวดหัว" นายบุญยงกล่าว
ด้านนางวนิดา วานิชอังกูร อายุ 72 ปี ข้าราชการเกษียณเทคนิคการแพทย์ รพ.รามา ที่มาเดินออกกำลังในซอยเผยว่า ทุกเช้าเย็นจะออกมาเดินออกกำลังกายภายในซอยแห่งนี้ จะมีกลิ่นรบกวนสุขถาพจิตมาก ยิ่งวันไหนฝนตกกลิ่นเหม็นสาบจะยิ่งแรงมาก ทราบว่ามีการร้องเรียน ซึ่งตนก็เห็นด้วยเพราะเราได้รับผลกระทบไปด้วย บางวันมีเสียงแมวกัดกันส่งเสียงดังมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแทน เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านใหญ่และมีคนอยู่เยอะ
จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณด้านหน้าบ้านดังกล่าว มีการปิดประตูอย่างหนาแน่นและเป็นบ้าน 2 ชั้น ขนาดใหญ่ปลูกอยู่ในเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด แต่ไม่มีผู้อาศัยอยู่แต่อย่างใด เมื่อสำรวจพบว่าหลังบ้านพบว่า บ้านหลังดังกล่าว มีเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปยังสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ขึ้นปกคลุม
นายบุญยง มะลิซ้อน อายุ 45 ปี ที่มีบ้านติดกับด้านหลังบ้านหลังดังกล่าวเปิดเผยว่า ชาวบ้านในละแวกนี้ได้รับความเดือดร้อนมากว่า 2 ปี โดยเฉพาะกลิ่นสาบและกลิ่นมูลแมวมีกลิ่นเหม็นอย่างมาก ทำให้มีปัญหากระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โดยบ้านหลังดังกล่าวนี้ไม่มีคนอาศัย มีเฉพาะแมวอยู่เกือบ 200 ตัวที่เลี้ยงไว้ โดยเจ้าของบ้านจะไปๆ มาๆ เพื่อมาให้อาหารแมวแล้วก็กลับ ที่ผ่านมาชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานเขตจตุจักร มีการพูดคุยกับเจ้าของแมวและทางสำนักงานเขตฯ มีคำสั่งให้ย้ายแมวไปหาสถานที่เลี้ยงใหม่ เพราะสถานที่แบบนี้ไม่ใช่ที่เลี้ยงสัตว์ แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด
"วันไหนมีกลิ่นมากจะไม่สามารถเดินในซอยได้เลย ปกติก่อนหน้านั้นใต้ร่มไม้ในซอย สามารถนั่งหลบร้อนได้ แต่เดียวนี้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะวันไหนฝนตกเหม็นจนปวดหัว" นายบุญยงกล่าว
ด้านนางวนิดา วานิชอังกูร อายุ 72 ปี ข้าราชการเกษียณเทคนิคการแพทย์ รพ.รามา ที่มาเดินออกกำลังในซอยเผยว่า ทุกเช้าเย็นจะออกมาเดินออกกำลังกายภายในซอยแห่งนี้ จะมีกลิ่นรบกวนสุขถาพจิตมาก ยิ่งวันไหนฝนตกกลิ่นเหม็นสาบจะยิ่งแรงมาก ทราบว่ามีการร้องเรียน ซึ่งตนก็เห็นด้วยเพราะเราได้รับผลกระทบไปด้วย บางวันมีเสียงแมวกัดกันส่งเสียงดังมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแทน เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านใหญ่และมีคนอยู่เยอะ