เมื่อวันที่ 10 พ.ค. เวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ถ้ากักตัวครบ 10 วันแล้วยังไม่แสดงอาการ จะได้รับการปล่อยตัวออกจากสถานพยาบาล ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด 19 ซ้ำอีกครั้งนั้นว่า กรมการแพทย์ ได้มีการออกมาตรฐานที่ชัดเจนว่า ผู้ติดเชื้อจะต้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลที่รัฐจัดให้ โดยแยกตามอาการ เมื่อครบระยะเวลากักตัว 14 วัน จะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่ผ่านมา เราค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการจัดการเตียง ทำให้กรมการแพทย์มีเอกสารขอความร่วมมือ ถ้าพี่น้องประชาชนมีอาการน้อย หรือกลุ่มที่ไม่มีอาการอนุญาตให้กลับบ้านได้หลังจากอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย 10 วัน แต่ไม่ได้หมายความว่าหายป่วยแล้ว เพราะยังมีรายงานทั่วโลกว่า บางครั้งยังมีการพบเชื้อในวันหลังๆ อาจจะมากได้ถึงวันที่ 21 ดังนั้น กรมการแพทย์ ได้แนะนำว่า เมื่อกลับบ้านจะวันที่ 10 หรือ 14 ก็ตาม ขอให้พี่น้องประชาชนผู้ติดเชื้อ ยังคงแยกกักตัวอยู่บ้านต่ออีก 14 วัน และไม่อนุญาตให้กลับไปทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่แพร่เชื้อ และทำให้เกิดอาการรุนแรง ต้องดูแลตัวเอง สังเกตตัวเองให้หายป่วย และไม่มีรายงานแพร่เชื้อให้กับบุคคลรอบข้าง เมื่อถามว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนในช่วงนี้ หลายคนเข้าใจว่า วัคซีนเป็นการฉีดฟรีจากภาครัฐ แต่มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนที่ลงทะเบียนฉีดกับโรงพยาบาลเอกชน พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นนโยบายที่คนไทยทุกคนจะได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะลงทะเบียนโรงพยาบาลภาครัฐ ภาคเอกชน จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ขอความร่วมมือประชาชนศึกษาข้อมูล และฉีดวัคซีนให้รวมกันได้ตามแผน เพื่อให้เกิดเป็นภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้ประเทศเราสามารถเดินหน้าได้  และสิ่งสำคัญที่อยากเน้นย้ำคือ เวลาที่ท่านมีคำถามขอให้ฟังความรอบด้าน และตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน