เมื่อวันที่ 9 พ.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด19 ให้ดูแลประชาชนทุกคนอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง ครอบคลุม เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นผู้ป่วยโควิด19 แต่ก็อาจได้รับผลกระทบ เพราะเป็นผู้อยู่ในภาวะพึ่งพิง ทั้งนี้นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้สั่งเปิดสายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศเป็นการเฉพาะ และเตรียมสถานที่พักพิงสำหรับกลุ่มเปราะบางไว้ต่างหาก ซึ่งพม.พร้อมให้การดูแลประสานกทม. และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งต่อเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล เช่น ผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีและผู้ป่วยพิการที่ต้องรับการดูแลเป็นพิเศษ พม. ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จัดพื้นที่รองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้ หรือหากผู้ป่วยติดต่อประสานเข้ารักษาพยาบาลไว้แล้ว แต่มีปัญหาไม่มีรถมารับ พม.จะจัดรถไปรับเพื่อส่งไปรับการรักษา
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ เรื่องการลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน ได้เตรียมอาสาสมัครพัฒนาสังคม (อพม.) และเจ้าหน้าที่ พม. ทั่วประเทศ ไว้คอยช่วยกลุ่มเปราะบางลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน ซึ่งจะฉีดให้กับผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค หากเป็นผู้มีคุณสมบัติแต่ยังลงทะเบียนไม่ได้ สามารถโทรมาขอความช่วยเหลือที่ สายด่วน 1300 ซึ่งจะมีการประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การลงทะเบียนสำเร็จเรียบร้อย
“รัฐบาลห่วงใยในความยากลำบากที่กลุ่มคนเปราะบางต้องเผชิญภายใต้สถานการณ์โควิด19 ถึงแม้ว่าบางคนจะไม่ได้ในติดเชื้อแต่ก็ต้องเจอผลกระทบเพราะขาดที่พึ่ง จึงได้เตรียมพร้อมการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยกระทรวง พม. ได้บูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐ เครือข่ายภาคประชาชน ภาคเอกชน ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนร่วมกัน มีการเตรียมสถานที่รองรับไว้หลายพื้นที่ ทั้งในเขต กทม. ปริมณฑล และ ส่วนภูมิภาค ส่วนในกรณีผู้ติดเชื้อ ก็จะช่วยประสานส่งต่อผู้ป่วยโควิด19ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน และ ท้ายสุดในกรณีที่คนในครอบครัวซึ่งเป็นผู้ดูแลกลุ่มเปราะบางติดเชื้อโควิด19 กระทรวงฯ จะให้การช่วยเหลือเรื่องอาชีพของครัวเรือนด้วย จึงขอย้ำว่า สายด่วน 1300 พร้อมเป็นที่พึ่งของกลุ่มเปราะบางทุกคน”น.ส.รัชดา กล่าว