เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)นครราชสีมาและ สสจ.นครราชสีมา โดยนางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา และนายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ สสจ.นครราชสีมา ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมระบบบริการด้านการสาธารณสุขและส่งมอบเวชภัณฑ์ วัสดุการแพทย์ วัสดุวิทยาศาสตร์การแพทย์ จำนวน 15 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,923,620 บาท เพื่อตอบโต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด–19 และเสริมสร้างสุขภาพประชาชน ทั้งนี้ อบจ.นครราชสีมา เป็นผู้สนับสนุนด้านวิชาการ บุคลากร งบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ และอื่นๆ ที่จำเป็นเมื่อ สสจ.นครราชสีมา ร้องขอเพื่อการดำเนินการ 3 ด้าน ประกอบด้วยการพัฒนาระบบสาธารณสุขและส่งเสริมสุขภาพ,การป้องกันควบคุมโรค และการป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาและคณะอนุกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ตอบโต้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มอบหมายให้ อบจ.นครราชสีมา เป็นผู้ร่วมดำเนินการและ สสจ.นครราชสีมา เป็นผู้รับมอบ นางยลดา นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า อบจ.ได้จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อและร่วมสนับสนุน ปรับปรุงสถานที่เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนามจังหวัดนครราชสีมา 2 แห่ง ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา ประกอบด้วย ติดตั้ง Partition, กล้อง CCTV ชนิดไร้สาย, ปุ่มเรียกฉุกเฉินไร้สาย จอแสดงผลและปุ่มกดเรียก, อ่างล้างมือ, พัดลมสนาม ดูดอากาศออกสู่ภายนอก พร้อมสวิตซ์ไฟฟ้าปิด – เปิด, ติดตั้งสายไฟปลั๊กไฟ มุ้ง ลิ้นชักพลาสติกข้างเตียงผู้ป่วยทุกเตียง, ป้ายทางหนีไฟ, ติดตั้ง จัดหา วัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ตามที่ได้รับการประสานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ดำเนินการเก็บรวบรวมมูลฝอยติดเชื้อเพื่อนำไปกำจัดตามหลักสุขาภิบาล, ติดตั้งเต้นท์และระบบไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณหน้าโรงพยาบาลสนามและ นำส่งผู้ป่วยที่รักษาหายจากโรงพยาบาลสนามกลับบ้าน โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,500,000 บาท และอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อจัดหาวัสดุและเวชภัณฑ์ ได้แก่ แอลกอฮอล์เจล แอลกอฮอล์สเปรย์และหน้ากากอนามัยเพื่อมอบให้แก่ประชาชน โดยอบจ.นครราชสีมา ขอผนึกกำลังเราให้ชาวโคราชผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน “โคราชต้องรอด” นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าว