นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า มาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 และการบรรเทาภาระค่าสาธารณูปโภคที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบนับเป็นมาตรการที่ออกมาได้ทันเหตุการณ์เพราะขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อยังคงมีต่อเนื่องที่จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะย่อมมีผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็วยังจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลวางแผนไว้ 100 ล้านโดสในสิ้นปีนับเป็นเรื่องที่ดีแต่หากกระจายการฉีดให้เร็วขึ้นได้ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจมากขึ้น “แม้ว่ารัฐจะมีแผนจัดหาและฉีดวัคซีนที่ชัดเจนแล้ว แต่ขณะนี้พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ว่าจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นเห็นว่าภาครัฐจำเป็นต้องเร่งสร้างความรู้และความเข้าใจถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วนซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่” โดยขณะนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่และต้องทำในเรื่องของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควบคู่ไปด้วยโดยรัฐเองยืนยันถึงแผนจัดหาวัคซีนที่จะเร่งฉีดเดือนละ 150 ล้านโดสและจะให้ครบ 100 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ซึ่งเอกชนก็เห็นด้วยแต่ที่ห่วงคือพอมีประชาชนซึ่งมีส่วนน้อยได้รับผลกระทบกับการฉีดวัคซีน ประชาชนส่วนใหญ่ก็กังวลว่าจะฉีดวัคซีนดีหรือไม่ฉีดดี สิ่งนี้จำเป็นต้องเร่งทำความเข้าใจให้มากขึ้นซึ่งเอกชนก็พร้อมจะร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้หลังจากที่ ครม.5 พ.ค.64 ได้เห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ซึ่งประกอบด้วย 1.คณะแก้ไขปัญหาการกระจายและฉีดวัคซีน 2.คณะสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ 3.คณะสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่างๆ 4.คณะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม เร็วๆนี้จะได้มีการประชุมเพื่อที่จะวางแผนในการร่วมมือสนับสนุนภาครัฐทั้งการเร่งระดมฉีดวัคซีน-19 ให้เร็วขึ้นจากแผนเดิม รวมไปถึงแนวทางการจัดหาวัคซีนของเอกชน และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีน เป็นต้น ส่วนที่หลายประเทศได้มีการระดมฉีดวัคซีนมากขึ้น เอกชนเองสนับสนุนภาครัฐที่จะช่วยให้การฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น เพราะหากเร็วเท่าใดการเปิดประเทศและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวก็จะเร็วตามไปด้วย เพราะหากเราเปิดช้านักท่องเที่ยวปลายปีนี้ก็อาจไม่กลับมาและเมื่อเขาไปที่อื่นกลัวว่าอาจจะไปเลยก็ได้ ทางเอกชนจึงพร้อมร่วมมือรัฐในทุกๆ ด้าน ส่วนการนำเข้าวัคซีนโดยเอกชนเองรัฐยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้น” สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปี 2564 จะฟื้นตัวมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในทางปฏิบัติและการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่และการเร่งฉีดวัคซีนที่จะป้องกันและลดผลกระทบต่อการระบาดในอนาคตเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามภาคการส่งออกมีสัญญาณการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลกที่หลายประเทศเริ่มมีแผนฉีดวัคซีนให้จบโดยเร็วแต่การส่งออกของไทยเป็นเพียงกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ ภาคเกษตร ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ดังนั้นมาตรการที่รัฐบาลออกมาล่าสุดก็คาดหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้