ดร.ณรงค์เดช สรุโฆษิต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก New Srukhosit ระบุถึงความเห็นของกฤษฎีกาที่ ออกในปี 2563 กรณีนายทหารรายหนึ่งทำความผิดในคดียาเสพติดในสหรัฐ สามารถนำมาใช้พิจารณาประกอบการพิจารณาได้ ไม่เกี่ยวกับการกระทบอำนาจอธิปไตยของไทย
โดยข้อความระบุว่า “การบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ (Enforcement of foreign judgements) ต่างจากการรับรู้คำพิพากษาของศาลต่างประเทศ (Recognition of foreign judgements) ในฐานะข้อเท็จจริงที่ศาลและหน่วยงานทางปกครองของไทยสามารถนำมาพิจารณาประกอบการปรับใช้กฎหมายไทยได้ โดยไม่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของไทย แต่อย่างใด
ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ความเห็นกฤษฎีกาที่ 1271/2563
ข้อเท็จจริงมีว่า นายทหารยศพลตรี ถูกตัดสินโดยศาลสหรัฐว่า ผิดฐานนำเข้าเฮโรอีน ให้จำคุก 365 เดือน และต่อมาได้รับการปล่อยตัว
เรื่องนี้มีปัญหาว่า จะนำคำพิพากษาของศาลต่างประเทศที่ตัดสินให้นายทหารยศพลตรีมีความผิดฐานนำเข้าเฮโรอีน มาใช้ในการวินิจฉัยให้-ไม่ให้เบี้ยหวัดและบำเหน็จบำนาญได้หรือไม่
[ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528 ข้อ 7]
คณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมร่วมกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 11 และคณะที่ 13) เห็นว่า
1. ข้อหารือนี้มิใช่ข้อหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาแต่เป็นข้อหารือเรื่องวินัยทหาร
2. การพิจารณาให้ความเห็นในกรณีนี้เป็นกรณีที่ใช้ผลของคำพิพากษาของศาลต่างประเทศมารับฟัง เป็นพยานหลักฐานในฐานะข้อเท็จจริงในการดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการทหาร ซึ่งเป็น การรับฟังคำพิพากษาของศาลต่างประเทศในฐานะข้อเท็จจริง
มิใช่การรับคำพิพากษาของ ศาลต่างประเทศมาบังคับโทษในประเทศไทย
3. ดังนั้น ข้อความว่า “เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว” ตามข้อ 7 วรรคสอง แห่งข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528 จึงรวมถึงคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลสหรัฐอเมริกาด้วย
4. เมือปรากฎข้อเท็จจริงว่า นายพลตรีคนนี้ ซึ่งถูกสั่งให้พักราชการได้กระทำความผิด ผู้บังคับบัญชาจึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการตั้งแต้วันพักราชการ โดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญได้
โปรดพิจารณาเอกสารที่แนบมานี้ครับ