เมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค.กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและฝ่ายการเมือง ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ จนทำบริษัทไฟเซอร์ ออกมายืนยันว่ายังไม่มีการส่งมาที่ประเทศไทยว่า เราจะไม่มาเสียเวลากับข่าวที่ไม่เป็นความจริง แต่จะพยายามสร้างการรับรู้ด้วยข้อมูลที่แท้จริงให้กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาในการแถลงข่าวของโฆษกศบค.จะเห็นว่ามีการเชิญหมอผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวกับวัคซีนมาพูดเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และเชื่อมั่นว่าบุคลากรทางการแพทย์อาวุโสออกมายืนยันแบบนี้ จะคิดเห็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่ศบค.พยายามให้ข้อมูลที่แท้จริงกับประชาชน เมื่อถามว่า การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนชุมชนคลองเตย มีข่าวว่ามีหัวคะแนนของนักการเมือง มาจัดคิว หรือจองคิวเป็นพิเศษให้กับประชาชนบางกลุ่ม จะเข้าไปดูแลอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ได้สอบถามหน่วยงานในพื้นที่ทราบว่าข้อมูลไม่ได้เป็นตามนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำหน่วยงานในพื้นที่ ขอให้เน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษและขอให้มองมาตรการด้านสาธารณสุข ความเสี่ยงในด้านการติดเชื้อเป็นลำดับแรก ขอให้ระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนั้นเกิดขึ้น ทั้งนี้ในอนาคต หากมีปัญหาเช่นนี้อีกอาจจะให้ฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดำเนินการ แต่ขั้นต้นได้แจ้งกับทางเขต และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ไปแล้ว เมื่อถามว่า จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้กลุ่มคนหนุ่มสาวหรือไม่ เพราะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเหมือนกัน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ ได้ให้นโยบายกับกระทรวงสาธารณสุขไปว่ามีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนให้กับบุคคลกลุ่มอื่น คนในวัยทำงานด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีพื้นที่เสี่ยงที่กลุ่มคนทั่วๆไปมีความจำเป็นเข้าไปในพื้นที่ โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมเรื่องนี้ ก็คาดว่าจะมีการจัดสรรให้กับกลุ่มอื่นด้วย  ทั้งนี้พล.อ.ณัฐพล กล่าวในช่วงท้ายว่า นายกฯ ฝากความห่วงใยมาถึงสื่อมวลชนและประชาชน ว่าการระบาดรอบนี้เป็นการระบาดในคนที่ทำงาน คนที่มีกิจกรรมในสังคม นายกฯ จึงห่วงใยเป็นอย่างมาก ที่คนทำงานนำเชื้อมาติดคนในครอบครัว จึงฝากประชาชนขอให้ระมัดระวังสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมืออย่างเข้มงวด นอกจากนี้นายกฯ ยังให้นโยบายกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดในการจัดหาวัคซีนมาให้เร็วยิ่งขึ้น และเร่งรัดการฉีดให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่การแพร่ระบาด ซึ่งคาดว่าปลายเดือนพ.ค.นี้หรือต้นเดือนมิ.ย.จะมีวัคซีนที่จะเข้ามาจำนวนมากก็จะเร่งรัดฉีดในพื้นที่แพร่ระบาดโดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้ม ขอให้กำลังใจพี่น้องประชาชนระมัดระวังตัวเองไปก่อนในช่วงนี้รัฐบาลมีความห่วงใยและจะเร่งรัดในการฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูงให้ได้โดยเร็ว